diff --git a/data/2025/01/08/Government News _1_04407fe8-34d4-4218-95de-46c5cf09d5d0.txt b/data/2025/01/08/Government News _1_04407fe8-34d4-4218-95de-46c5cf09d5d0.txt new file mode 100644 index 000000000..904835aa7 --- /dev/null +++ b/data/2025/01/08/Government News _1_04407fe8-34d4-4218-95de-46c5cf09d5d0.txt @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-PM meets with APAC Google Cloud president + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +PM meets with APAC Google Cloud president +PM meets with APAC Google Cloud president +January 6, 2025, at 1400hrs, at the Purple Room, Thai Khu Fah Building, Government House, Mr. Karan Bajwa, president of Google Cloud Asia-Pacific, paid a courtesy call on Prime Minister Paetongtarn Shinawatra. Government Spokesperson Jirayu Houngsub disclosed gist of the meeting as follows: +The Prime Minister and APAC Google Cloud president were pleased with close and continued cooperation between Google and the Thai Government following the signing of an MoU between Google and Thai Ministry of Digital Economy and Society in 2023. Today’s meeting would be a good opportunity to take forward closer cooperation, especially on cyber security and anti-online scams, which are considered urgent and prioritized issues for the Prime Minister and the Thai Government. +The president of APAC Google Cloud commends the Government's policy on tackling cyberattacks and online frauds against the public and government agencies, which have become increasingly threatening. Google stands ready to work with the Thai Government in addressing the problems through an establishment of a security unit, tasked to protect the country's critical information infrastructure, monitor and analyze cyber threats, and respond real time to cybersecurity emergencies. Google is also working with Ministry of Digital Economy and Society to prevent online frauds and scams by utilizing technologies to detect and block malicious applications. +The Prime Minister welcomed Google’s collaboration with the Thai Government on cyber security, and assigned Ministry of Digital Economy and Society to discuss the collaboration in detail with Google in a bid to upgrade the country’s cyber security, protect Thai people from being scammed in all cases, and develop policies to enhance Thai agencies’ responses and prevention against complex cyber threats. Thailand and Google will also work proactively in preventing online scams to protect the interests of the Thai people. + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92142 \ No newline at end of file diff --git a/data/2025/01/08/_1_c60f06d3-90f1-46db-80e0-2dd3ffefef25.txt b/data/2025/01/08/_1_c60f06d3-90f1-46db-80e0-2dd3ffefef25.txt new file mode 100644 index 000000000..4712f2b3a --- /dev/null +++ b/data/2025/01/08/_1_c60f06d3-90f1-46db-80e0-2dd3ffefef25.txt @@ -0,0 +1,6 @@ +รัฐบาลไทย- + + +วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม 2513 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92138 \ No newline at end of file diff --git a/data/2025/01/08/_2_1ece79e9-6006-4865-a0b4-008c3da284f2.txt b/data/2025/01/08/_2_1ece79e9-6006-4865-a0b4-008c3da284f2.txt new file mode 100644 index 000000000..8e898727c --- /dev/null +++ b/data/2025/01/08/_2_1ece79e9-6006-4865-a0b4-008c3da284f2.txt @@ -0,0 +1,6 @@ +รัฐบาลไทย- + + +วันพฤหัสบดีที่ 1 มกราคม 2513 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92170 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _1_c1fd0d85-ab83-4197-8aea-b2c95e2b4cba.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _1_c1fd0d85-ab83-4197-8aea-b2c95e2b4cba.txt" new file mode 100644 index 000000000..01aa184bb --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _1_c1fd0d85-ab83-4197-8aea-b2c95e2b4cba.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“นายกฯ”ลงพื้นที่ภูเก็ตพรุ่งนี้ขอแก้ไขปัญหาให้ครบทุกวงจรเพิ่มศักยภาพทุกมิติทั้งท่องเที่ยวแก้น้ำท่วมจราจรยกเป็นต้นแบบทำให้ได้ทุกจังหวัดพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนรูปแบบใหม่ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +“นายกฯ”ลงพื้นที่ภูเก็ตพรุ่งนี้ขอแก้ไขปัญหาให้ครบทุกวงจรเพิ่มศักยภาพทุกมิติทั้งท่องเที่ยวแก้น้ำท่วมจราจรยกเป็นต้นแบบทำให้ได้ทุกจังหวัดพร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนรูปแบบใหม่ +“นายกฯ” ลงพื้นที่ ภูเก็ต พรุ่งนี้ ขอแก้ไขปัญหาให้ครบทุกวงจร เพิ่มศักยภาพทุกมิติทั้งท่องเที่ยว แก้น้ำท่วม จราจร ยกเป็นต้นแบบทำให้ได้ทุกจังหวัด พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและการลงทุนรูปแบบใหม่ +วันนี้ (8 มกราคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ในวันพรุ่งนี้ พฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2568 โดยนายกรัฐมนตรีจะติดตามการแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และการพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมถึงการจราจรและกายภาพต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต  โดยได้เชิญส่วนราชการทุกภาคส่วน อาทิ ผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม ผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ กรมชลประทาน และผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และกองบังคับการตำรวจตำรวจภูธร จังหวัดภูเก็ต และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมรับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี  พร้อมทั้งรับฟังภาพรวมการท่องเที่ยวในภูเก็ต รวมถึงแนวทางการแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภค การกักเก็บน้ำในอ่างเก็บน้ำเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และปัญหาจราจร การบริหารจัดการและส่งเสริม Big Event และการผลักดันภูเก็ตเป็น Premium Destination +จากนั้น นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานพิธีเปิดงานแสดงเรือนานาชาติแห่งประเทศไทยและลักซ์ซูรีไลฟ์สไตล์   ที่บริเวณท่าเทียบเรือยอร์ช เฮเว่น มารีน่า อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต และนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ตรวจติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ตก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร +“สำหรับการลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาในทุกด้าน ๆ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งจากข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 นี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 รวม 5 วัน มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้าท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต กว่า 230,000 คน มีรายได้เกิดขึ้นในภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท โดยคิดจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันต่อคนของนักท่องเที่ยวเพียงที่ 9,000 บาท ทำให้ห้องพักโรงแรมที่มีอยู่กว่า 110,000 ห้อง มีการจองเข้าพักเฉลี่ยกว่าร้อยละ 80 โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวหลักๆ ห้องพักโรงแรมเต็มเกือบทั้งหมด โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ รัฐบาลจะนำข้อมูลจากจังหวัดภูเก็ต ไปเป็นต้นแบบของการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในทุก ๆ จังหวัดของประเทศไทยต่อไป“นายจิรายุ กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92114 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _2_bb7e8fb1-daff-4f73-9405-dde71fe14522.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _2_bb7e8fb1-daff-4f73-9405-dde71fe14522.txt" new file mode 100644 index 000000000..122a48f7b --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _2_bb7e8fb1-daff-4f73-9405-dde71fe14522.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กระทรวงศึกษาฯ ชวนน้องเที่ยวงานวันเด็กเสาร์นี้ จัดเต็มกิจกรรมสร้างความรู้ ความสนุกสนาน มากมายภายในงาน + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +กระทรวงศึกษาฯ ชวนน้องเที่ยวงานวันเด็กเสาร์นี้ จัดเต็มกิจกรรมสร้างความรู้ ความสนุกสนาน มากมายภายในงาน +กระทรวงศึกษาฯ ชวนน้องเที่ยวงานวันเด็กเสาร์นี้ จัดเต็มกิจกรรมสร้างความรู้ ความสนุกสนาน มากมายภายในงาน +วันนี้ (8 มกราคม 2568) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคมนี้ เวลาประมาณ 08.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมจัดงาน 34 หน่วยงาน นอกจากนี้เป็นการจัดกิจกรรม ณ สถานที่ตั้ง 21 หน่วยงาน ทั่วทุกภาคของประเทศภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข” เพื่อให้น้องๆ เด็กๆ และเยาวชนที่มาร่วมงานได้รับประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความรู้ +สำหรับไฮไลต์และตัวอย่างกิจกรรมภายในงาน เช่น กิจกรรมวอล์กแรลลี่ ฐานการเรียนรู้ตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความรู้เชิงความคิด สติปัญญา และด้านร่างกาย “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” ให้แก่เด็กและเยาวชน พร้อมรับตราประทับจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่จัดกิจกรรม อาทิ กระทรวงสาธารณสุขที่มีกิจกรรมสร้างความรอบรู้สุขภาพเด็กไทย โดยการเรียนรู้ในการดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว รวมทั้งการสร้างเสริมคุณลักษณะให้เป็นผู้รักในการดูแลสุขภาพ กระทรวงวัฒนธรรมที่สอนเกี่ยวกับความเสมอภาคทางสังคม และการประดิษฐ์ของเล่นพื้นบ้านจากภูมิปัญญาไทย และกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่จัดกิจกรรมการให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายจราจร ขี่ม้า การแสดงของสุนัขตำรวจ และนิทรรศการเครื่องมือเก็บกู้วัตถุระเบิด เพื่อเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับเด็กและเยาวชนในทุก ๆ ด้าน +“ขอเชิญชวนเด็ก ๆ และเยาวชน ร่วมงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ที่กระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนิน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ทำเนียบรัฐบาล หนึ่งในสถานที่สำคัญที่จัดงานวันเด็กแห่งชาติในทุก ๆ ปี และภายในงานมีกิจกรรมสนุกสนานและสร้างสรรค์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ที่ได้จัดขึ้นเพื่อมอบประสบการณ์ให้กับเยาวชนทุกคน ทั้งนี้ ยังได้ร่วมพบปะกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะมามอบคำอวยพรและแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชนที่จะเป็นอนาคตของชาติต่อไปด้วย” นายคารม กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92115 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _3_7d94faf0-9c7d-4441-940e-f7bc4f291ea5.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _3_7d94faf0-9c7d-4441-940e-f7bc4f291ea5.txt" new file mode 100644 index 000000000..8ab9fde47 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _3_7d94faf0-9c7d-4441-940e-f7bc4f291ea5.txt" @@ -0,0 +1,18 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ด่วน..กรมชลฯเปิดรับ แรงงานเกษตรกร หารายได้เสริมกว่า 8.4 หมื่นคน ช่วยงาน โครงการพระราชดำริและงานขุดลอกคูคลองต่างๆทั่วประเทศสนใจสมัครด่วน วันนี้ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +ด่วน..กรมชลฯเปิดรับ แรงงานเกษตรกร หารายได้เสริมกว่า 8.4 หมื่นคน ช่วยงาน โครงการพระราชดำริและงานขุดลอกคูคลองต่างๆทั่วประเทศสนใจสมัครด่วน วันนี้ +ด่วน..กรมชลฯเปิดรับ แรงงานเกษตรกร หารายได้เสริมกว่า 8.4 หมื่นคน ช่วยงาน โครงการพระราชดำริและงานขุดลอกคูคลองต่างๆทั่วประเทศสนใจสมัครด่วน วันนี้ +วันนี้ ( 8 มกราคม 2568 ) เวลา 11.00 น. นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดโครงการ ดำเนินนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรทั่วประเทศ ให้มีรายได้เสริม ด้วยการจ้างแรงงานในระบบชลประทานในปีงบประมาณ 2568 สำหรับปีนี้ มีเป้าหมายจ้างงานราว 84,000 คน ระยะเวลา 12 เดือน (ตุลาคม 2567 - กันยายน 2568) +นายอนุกูลกล่าวว่า ปัจจุบัน กรมชลประทานได้ดำเนินการจ้างแรงงานทั่วประเทศไปแล้วกว่า 9,800 คน คิดเป็นร้อยละ 12 ของแผนฯ จังหวัดที่มีผลการจ้างแรงงานมากที่สุด 3 ลำดับ ได้แก่ จังหวัดสกลนคร 1,200 คน จังหวัดกาฬสินธุ์ 1,096 คน และจังหวัดเชียงใหม่ 753 คน +สำหรับหลักเกณฑ์การจ้างแรงงาน ดังนี้ +(1) เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือเกษตรกรในพื้นที่ +(2) สมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำของกรมชลประทานในพื้นที่ +(3) ประชาชนหรือผู้ใช้แรงงานทั่วไปในพื้นที่ +(4) หากแรงงานในพื้นที่ไม่เพียงพอ ให้พิจารณาจากเกษตรกรแรงงานในพื้นที่ใกล้เคียง จากหมู่บ้าน ตำบล อำเภอจังหวัด และลุ่มน้ำตามลำดับ +“ทั้งนี้ ลักษณะของการจ้างงาน คือการซ่อมแซมบำรุงรักษา ขุดลอก ปรับปรุงงานชลประทาน โครงการส่งเสริมการดำเนินงานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ งานก่อสร้างแหล่งน้ำและระบบส่งน้ำเพื่อชุมชน/ชนบท แก้มลิง หากประชาชนหรือเกษตรกรคนใดประสงค์สมัครทำงาน สามารถติดต่อสอบถามหรือสมัครได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือทางสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ในวันและเวลาราชการ” นายอนุกูล กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92120 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _4_79e94124-b24b-4f95-85a6-783ff79eafb1.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _4_79e94124-b24b-4f95-85a6-783ff79eafb1.txt" new file mode 100644 index 000000000..16c923684 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\204\340\270\223\340\270\260\340\271\202\340\270\206\340\270\251\340\270\201 _4_79e94124-b24b-4f95-85a6-783ff79eafb1.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล- จบปีนักท่องเที่ยวทะลุเกิน 35.54 ล.คน เม็ดเงินทะลุสูงถึง 1.67 ลล.บาท เผยเที่ยวไทยยังปังตั้งแต่1 ม.ค.มาไทยเฉลี่ยวันละ 1 แสนคน สร้างรายได้แล้วเพียง7วันกว่า 2.5 หมื่นล้าน + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +จบปีนักท่องเที่ยวทะลุเกิน 35.54 ล.คน เม็ดเงินทะลุสูงถึง 1.67 ลล.บาท เผยเที่ยวไทยยังปังตั้งแต่1 ม.ค.มาไทยเฉลี่ยวันละ 1 แสนคน สร้างรายได้แล้วเพียง7วันกว่า 2.5 หมื่นล้าน +จบปีนักท่องเที่ยวทะลุเกิน 35.54 ล.คน เม็ดเงินทะลุสูงถึง 1.67 ลล.บาท เผยเที่ยวไทยยังปังตั้งแต่1 ม.ค.มาไทยเฉลี่ยวันละ 1 แสนคน สร้างรายได้แล้วเพียง7วันกว่า 2.5 หมื่นล้าน ด้านรัฐบาลเน้นเที่ยวได้ทั้งปีไม่มีโลว์ซีซั่น +วันนี้ ( 8 มกราคม 2568 ) เวลา 11.30 น. นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รายงานการท่องเที่ยวไทยตลอดทั้งปี 2567 (1 ม.ค – 31 ธ.ค 67) สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 35.54 ล้านคน เพิ่มขึ้น 26.27% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวระหว่างประเทศถึง 1.67 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 34 % ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวและความแข็งแกร่งจากมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา และยกเว้นใบ ตม.6 สำหรับด่านชายแดนทางบก รวมถึงการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่ของสายการบิน โดยนักท่องเที่ยว ที่เดินทางมาไทย 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย และอินเดีย ส่วนการท่องเที่ยวภายในประเทศ คนไทยท่องเที่ยวไทยเดินทางรวม 198.69 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 7.02% สร้างรายได้ในประเทศถึง 9.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.03% โดยกรุงเทพฯ ชลบุรี และกาญจนบุรี ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม +นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อว่า ความสำเร็จในการผลักดันการท่องเที่ยวให้เป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญบนเวทีโลก เกิดจากการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน และท้องถิ่น ช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีผ่านกิจกรรมและอีเวนต์ที่หลากหลายช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ผ่านกิจกรรมส่งท้ายปีการท่องเที่ยวอย่างยิ่งใหญ่ “งาน Amazing Thailand Countdown 2025” จัดขึ้นที่ไอคอนสยาม สร้างปรากฏการณ์ระดับโลก โดยมี “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” ศิลปินระดับโลกสัญชาติไทย ร่วมแสดง ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ชมกว่า 30 ล้านคนผ่านการถ่ายทอดสดทางช่องทางต่าง ๆ รวมถึงสื่อระดับโลก เช่น CNN, BBC, และ Reuters โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 62,000 ล้านบาท และยกระดับไทยให้เป็นหนึ่งใน Top 5 Countdown Destination ที่ทั่วโลกอยากมาเยือน +สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยว ณ วันที่ 6 มกราคม 2568 ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1-5 มกราคม 2568 รวม 505,411 คน หรือเฉลี่ยประมาณ 1 แสนคนต่อวัน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 25,299 ล้านบาท  โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน 69,548 คน มาเลเซีย 57,127 คน รัสเซีย 46,752 คน เกาหลีใต้ 28,160 คน และอินเดีย 26,635 คน +“ปีนี้ รัฐบาลยังคงผลักดันการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยส่งเสริมการจัดงานและอีเวนต์ระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลของไทย การจัดคอนเสิร์ต หรือการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ และมุ่งเน้นมาตรการที่สร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว รวมถึงขยายเส้นทางการบินใหม่ ๆ เข้าเมืองน่าเที่ยวท้องถิ่นไทย เพื่อให้เที่ยวไทยได้ทั้งปี ไม่มีโลว์ซีซั่น” นางสาวศศิกานต์ กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92127 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _1_cad0956f-f6dd-47e7-8de0-b95d1cf6da33.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _1_cad0956f-f6dd-47e7-8de0-b95d1cf6da33.txt" new file mode 100644 index 000000000..96a04bd99 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _1_cad0956f-f6dd-47e7-8de0-b95d1cf6da33.txt" @@ -0,0 +1,16 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกรัฐมนตรีรับมอบของขวัญวันเด็ก จำนวน 2.4 แสนชิ้น จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำส่งต่อให้เด็ก ๆ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +นายกรัฐมนตรีรับมอบของขวัญวันเด็ก จำนวน 2.4 แสนชิ้น จากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำส่งต่อให้เด็ก ๆ +ขอบคุณมูลนิธิฯ แบ่งปันความสุข ช่วยสร้างเด็กดีในวันนี้ให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าของสังคมและประเทศชาติในอนาคต +วันนี้ (8 มกราคม 2568) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับมอบของขวัญวันเด็กประจำปี พ.ศ. 2568 จากนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  โดยมีนายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และคณะกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพิธีมอบชุดของขวัญวันเด็ก +นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กล่าวว่า การให้ของขวัญวันเด็ก เป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง   ได้จัดทำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 66 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2502 ด้วยการมอบของขวัญให้เด็ก ๆ ในโอกาส “วันเด็กแห่งชาติ” แบ่งปันความรัก ความสุขและเสริมการเรียนรู้ สร้างเด็กดีในวันนี้ให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าของสังคมและประเทศชาติในอนาคต โดยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ส่งความรัก ความปรารถนาดีให้เด็ก ๆ ทุกคนเป็นเด็กดี มีคุณธรรม กตัญญู รู้คุณ พ่อแม่ ครูอาจารย์ รู้จักประหยัด มัธยัสถ์ ห่างไกลยาเสพติด ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หมั่นเรียนรู้ทุกโอกาส เพื่ออนาคตที่ดีของตนเอง และประเทศชาติ  ดังคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรี ประจำปี พ.ศ.2568 ที่มอบให้ คือ “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” สำหรับวันเด็กปีนี้ มูลนิธิฯ จัดส่งชุดของขวัญวันเด็กเพื่อมอบให้กับเยาวชนในส่วนภูมิภาค ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวม ทั้งสิ้น 3,000,000 ชุด คิดเป็นมูลค่ากว่า 15.8 ล้านบาท +โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณคณะกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งทุกคนที่ได้สร้างคุณประโยชน์อย่างมากมายให้กับประเทศไทย ในทุก ๆ ด้าน อย่างยาวนานกว่า 60 ปี   ซึ่งในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 ทำเนียบรัฐบาล    ได้เปิดให้เด็กและเยาวชนเข้ามาเที่ยวชม เข้ามาร่วมสนุกสนานกิจกรรมวันเด็ก โดยเด็กและเยาวชนจะได้พบกับนายกรัฐมนตรี และได้ของขวัญกลับบ้านด้วย ซึ่งจะสร้างความดีใจและประทับใจให้เด็ก ๆ  ทั้งนี้ อย่างที่ทราบว่ามูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ มีทั้งเครือโรงพยาบาลที่สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยคุณงามความดีต่าง ๆ มากมายที่ได้ทำเพื่อประเทศชาติโดยที่ไม่หวังอะไร +“การที่ทุกคนได้เห็นเด็กและเยาวชนเติบโตขึ้นมาในประเทศแห่งโอกาสเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นกำลังใจให้ทุกคน  ถ้าทุกคนสามารถทำตรงนี้ได้ไม่ว่าจะเป็นส่วนเล็ก ๆ หรือส่วนใหญ่  ถือว่าชีวิตนี้ได้เกิดมาทำเพื่อประเทศชาติเพื่อคนไทยทุกคน” นายกรัฐมนตรี ย้ำ +นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทางมูลนิธิฯ ที่มาในวันนี้ มาสร้างแรงบันดาลใจให้ตนเองและรัฐบาล ยืนยันพร้อมที่จะทำงานร่วมกันต่อไปอย่างเต็มที่   และขออวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง   จะได้มาช่วยกันพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ต่อไป +สำหรับรายการของขวัญที่มอบให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แก่ สมุด ดินสอ ไม้บรรทัด และกล่องดินสอ จำนวน 60,000 ชุด รวมทั้งหมด 240,000 ชิ้น  โดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการมอบของให้แก่คณะกรรมการจัดงานวันเด็กทำเนียบรัฐบาล หน่วยงานราชการ โรงเรียน ชุมชน และบุคคลที่ขอรับการสนับสนุน  ของขวัญเพื่อจัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2568 ต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92139 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _2_7d94e12a-38d6-436d-95dd-00660dc1ef76.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _2_7d94e12a-38d6-436d-95dd-00660dc1ef76.txt" new file mode 100644 index 000000000..a1ef36ab7 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _2_7d94e12a-38d6-436d-95dd-00660dc1ef76.txt" @@ -0,0 +1,16 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ ชื่นชมเด็กเยาวชนรุ่นใหม่ สร้างชื่อเสียง นำความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวและประเทศชาติ ย้ำเด็กและเยาวชนทุกคนเป็นพลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +นายกฯ ชื่นชมเด็กเยาวชนรุ่นใหม่ สร้างชื่อเสียง นำความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวและประเทศชาติ ย้ำเด็กและเยาวชนทุกคนเป็นพลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติ +นายกฯ ชื่นชมเด็กเยาวชนรุ่นใหม่ สร้างชื่อเสียง นำความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวและประเทศชาติ ย้ำเด็กและเยาวชนทุกคนเป็นพลังสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติ +วันนี้ (8 มกราคม 2568) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทแก่คณะเด็กและเยาวชนดีเด่น พร้อมด้วยเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติที่มีผลงานโดดเด่น จำนวน 1,292 คน โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมรับฟังด้วย +โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบโอวาทแก่คณะเด็กและเยาวชนดีเด่น เด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติที่มีผลงานโดดเด่นว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มาพบน้อง ๆ ทั้ง 1,292 คน ถือเป็นวันที่ได้ต้อนรับน้อง ๆ มากที่สุดตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คาดหวังว่าวันเด็กแห่งชาติปีนี้จะมีน้อง ๆ เข้ามาร่วมงานที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ขอชื่นชมน้อง ๆ ทุกคนที่ได้รางวัลในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ ด้านศิลปวัฒนธรรมและดนตรี ด้านทักษะฝีมือ วิชาชีพ ด้านกีฬาและนันทนาการ ด้านศีลธรรม คุณธรรมและจริยธรรม ขอให้น้อง ๆ ทุกคนภูมิใจกับตัวเอง +“สำหรับบางคนอาจตั้งคำถามว่า หากเราโตขึ้นไปจะสามารถทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศได้บ้าง วันนี้เราเป็นเพียงเยาวชนตัวเล็ก ๆ แต่เด็กทุกคนเป็นพลังที่สำคัญของประเทศ ถ้าหากเรารวมกลุ่มกันคิดและทำในสิ่งดี ๆ ก็จะสามารถเป็นกำลังสำคัญสำหรับประเทศชาติอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราทุกคนเมื่อโตขึ้นจะต้องเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด ไม่ได้วางแผนรับมือไว้ ขอให้น้องทุกคนมีความยืดหยุ่น พร้อมที่จะปรับตัวอยู่เสมอ เพราะโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว” นายกรัฐมนตรี ระบุ +นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า ทุกคนไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งที่สุด สวยที่สุด รวยที่สุด แต่ต้องรู้คุณค่าของตัวเอง พร้อมทั้งอย่าลืมขอบคุณตัวเองที่ทำสิ่งดี ๆ เพื่อตัวเอง ครอบครัว และประเทศชาติ ซึ่งการที่ย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอว่ามีคุณค่า จะทำให้โตขึ้นด้วยใจที่เข้มแข็งและจะไม่มีใครมาเปลี่ยนความคิดของตัวเราได้ ทั้งนี้ ในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกคนต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งและมีสติ ซึ่งคำว่า สติ เป็นกฎในการดำเนินชีวิตอย่างหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่า โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร หากมีสติ จะเข้าใจปัญหานั้น และพร้อมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้น +“มั่นใจว่า น้อง ๆ ทุกคนเป็นความภาคภูมิใจของครอบครัว ขอให้นำความภูมิใจนี้ไปพัฒนาตัวเอง เพื่อต่อยอดไปสู่ความภาคภูมิใจอื่น ๆ ในชีวิต รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเยาวชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การประกอบอาชีพ รวมถึงด้านอื่น ๆ ในโอกาสปีใหม่นี้ ขอให้น้อง ๆ ทุกคนประสบความสำเร็จ คิดหวังสิ่งใดก็ให้ดั่งปรารถนา” นายกรัฐมนตรี กล่าว +จากนั้น นายกรัฐมนตรีเดินทักทายเด็กและเยาวชนดีเด่น พร้อมด้วยเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติที่มีผลงานโดดเด่นด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง รวมถึงร่วมถ่ายภาพหมู่กับเด็กและเยาวชนที่บริเวณห้องโถงกลางและเดินชมของขวัญที่เด็กและเยาวชนนำมามอบให้ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92150 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _3_9045ae5d-b0b4-4928-8ea3-eeca234b8fbd.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _3_9045ae5d-b0b4-4928-8ea3-eeca234b8fbd.txt" new file mode 100644 index 000000000..52ecc6e26 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\231\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\243\340\270\261\340\270\220\340\270\241\340\270\231\340\270\225\340\270\243\340\270\265 _3_9045ae5d-b0b4-4928-8ea3-eeca234b8fbd.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกรัฐมนตรี สนับสนุน Future industries ชื่นชม คณะทีมชาติไทย โอลิมปิกวิชาการนานาชาติ สร้างชื่อเสียง ถือเป็นความภูมิใจของทั้งประเทศ สอดรับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +นายกรัฐมนตรี สนับสนุน Future industries ชื่นชม คณะทีมชาติไทย โอลิมปิกวิชาการนานาชาติ สร้างชื่อเสียง ถือเป็นความภูมิใจของทั้งประเทศ สอดรับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ +นายกรัฐมนตรี สนับสนุน Future industries ชื่นชม คณะทีมชาติไทย โอลิมปิกวิชาการนานาชาติ สร้างชื่อเสียง ถือเป็นความภูมิใจของทั้งประเทศ สอดรับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ +วันนี้ (8 มกราคม 2568) เวลา 15.00 น.  ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  พบปะให้โอวาทแก่นายวิตเตอร์ กิจวัฒนา มณีรักษ์ ประธานกรรมการสมาพันธ์การเขียนโปรแกรมโอลิมปิกวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ 8 พันธมิตร 45 ประเทศ ประจำประเทศไทย และประธานมูลนิธิพัฒนามนุษย์นานาชาติโฟกัส ที่นำคณะทีมชาติไทยที่ได้รับเหรียญรางวัลจากการเข้าร่วมประกวดโอลิมปิกวิชาการนานาชาติ ด้านนวัตกรรมการสร้างสรรค์โปรแกรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์สากล ครั้งที่ 8 จากสาธารณรัฐฟินแลนด์ เข้าพบ โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมด้วย +นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทและแรงบันดาลใจ โดยแสดงความยินดีกับตัวแทนทุกคนที่นำเหรียญกลับมา ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ประเทศไทยได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันในเวทีนี้ ภายใต้ของการได้รางวัลคือความมุ่งมั่น ความพยายาม และที่สำคัญต้องมีโอกาส และในการแข่งขันครั้งนี้ มีเด็กไทยอายุ 7 ขวบที่ได้เหรียญรางวัล ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ด้วยที่เปิดโอกาสให้เขาก้าวเข้ามาลองทำตั้งแต่เริ่มต้น เป็นการให้โอกาสเต็มรูปแบบอย่างแท้จริง ถือเป็นความภูมิใจของทั้งประเทศ +นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลสนับสนุน Future industries และทุนการศึกษาในเรื่องนี้ เป็นแนวทางในอนาคตที่ประเทศไทยจะมุ่งไป ไม่ว่าจะเป็น AI  เซมิคอนดักเตอร์ หรือในเรื่องพลังงานสีเขียว ต้องมีการจัดการให้เป็นระบบมากขึ้น การพบปะในวันนี้ ทำให้เห็นอีกช่องทางหนึ่งว่า ได้คุยกับคนที่มีความรู้ความสามารถ ขอเป็นตัวแทนของรัฐบาล ชื่นชมทุกคนที่ใช้เวลาทุ่มเท หวังว่าจะได้ขยายความรู้เหล่านี้ ไปในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทั้งเป็นเวทีของเด็กและผู้ใหญ่ ให้มีโอกาสแสดงความสามารถ ทำให้ทั่วโลกได้เห็นว่าคนไทย มีศักยภาพอีกมาก เราเตรียมคนสำหรับ Future industries ไว้ ทำให้เวลาที่ต่างชาติสนใจอยากมาลงทุน จะสร้างความมั่นใจว่าไทยเรามีบุคลากรที่มีคุณภาพ +จากนั้น นายกรัฐมนตรียังรับชมการสาธิตรูปแบบการเรียนการสอนที่เป็นมาตรฐานสากล รางวัลเหรียญทอง ROBBO Master 18+ ผลงานด้าน Automated ความปลอดภัยยานยนต์ จากคณะทีมชาติไทยอีกด้วย +สำหรับคณะทีมชาติไทยได้รับรางวัลจากการเข้าร่วมประกวดโอลิมปิกวิชาการนานาชาติ ด้านนวัตกรรมการสร้างสรรค์โปรแกรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์สากล ครั้งที่ 8 (The 8th International Scratch Creative Programming Olympiad 2024)  ได้แก่ +1. นายกำจร ยั่งยืน รองผู้อำนวยการโรงเรียนรพีเลิศวิทยา ลำพูน (สช.) ได้รับรางวัลเหรียญทอง ROBBO Master 18+ จากการแข่งขัน 8th International Scratch Creative Programming Olympiad 2024 +2. นายอรรณพ แตงอ่อน ครูโรงเรียนไตรประชาสามัคคี นครสวรรค์ (สพฐ.) ได้รับรางวัลเหรียญเงิน ROBBO Master 18+ จากการแข่งขัน 8th International Scratch Creative Programming Olympiad 2024 และ รางวัลเหรียญทองแดง Scratch Master จากการแข่งขัน 7th International Scratch Creative Programming Olympiad 2023 +3. เด็กชายภาวิน พัฒนาเวคิน โรงเรียน HeadStart International School Phuket ภูเก็ต (สช.) ได้รับรางวัลเหรียญเงิน Scratch Kid อายุ 7-8 ปี จากการแข่งขัน 8th International Scratch Creative Programming Olympiad 2024 +4.  นางสาวภาวิณี ไชยภาค บุคคลทั่วไป ได้รับรางวัลเหรียญทองแดง ROBBO Master 18+ จากการแข่งขัน 7th International Scratch Creative Programming Olympiad 2023 +5. เด็กชายวัชรวิชญ์ กลิ่นสุคนธ์ โรงเรียน Newton Sixth Form กรุงเทพมหานคร (สช.) ได้รับรางวัลเหรียญเงิน Scratch Teen จากการแข่งขัน 6th International Scratch Creative Programming Olympiad 2022 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92152 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\243\340\270\255\340\270\207 \340\270\231\340\270\243\340\270\241 \340\270\243\340\270\241\340\270\225\340\270\231\340\270\243 _1_2e7af965-afe3-47c9-ba1b-20e3b968a32a.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\243\340\270\255\340\270\207 \340\270\231\340\270\243\340\270\241 \340\270\243\340\270\241\340\270\225\340\270\231\340\270\243 _1_2e7af965-afe3-47c9-ba1b-20e3b968a32a.txt" new file mode 100644 index 000000000..1e38f783c --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\243\340\270\255\340\270\207 \340\270\231\340\270\243\340\270\241 \340\270\243\340\270\241\340\270\225\340\270\231\340\270\243 _1_2e7af965-afe3-47c9-ba1b-20e3b968a32a.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“รองนายกฯ ประเสริฐ” นำคณะ “คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) และสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี) + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +07/01/2568 +พิมพ์ +“รองนายกฯ ประเสริฐ” นำคณะ “คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) และสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี) +“รองนายกฯ ประเสริฐ“ นำคณะ “คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) และสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี) ลดผลกระทบประชาชน-สิ่งแวดล้อม กำชับดำเนินการตามมติ กก.วล.เคร่งครัด +วันที่ 7 มกราคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล. ) พร้อมด้วย ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสิทธิชัย เสรีสงแสง รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม , ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นำคณะลงพื้นที่ติดตามโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงเตาปูน–ราษฎร์บูรณะ) และสายสีส้ม (ช่วงบางขุนนนท์–มีนบุรี) บริเวณสถานีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เพื่อย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินงานให้เป็นไปตามมาตรการปองกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดลอม ซึ่ง กก.วล. เห็นชอบเมื่อเดือนเมษายน  2562 และเดือนธันวาคม 2564 รวมทั้งให้ความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีนายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ให้การต้อนรับ +นอกจากจะเป็นการติดตรวจเพื่อรับทราบข้อมูลผลกระทบที่มีต่อประชาชน ผลกระทบต่อการจราจร การท่องเที่ยวและความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องประชาชนจากการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าแล้ว ประธาน กก.วล. ยังได้เน้นย้ำถึง ความสำคัญและความจำเป็นที่ผู ้รับเหมาโครงการต้องมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการป้องกันผลกระทบในระยะการก่อสร้างของโครงการรถไฟฟ้าทั้งสองโครงการอย่างเคร่งครัด เช่น การป้องกันปัญหาการฟุ้งกระจายของฝุ่น เสียง การสั่นสะเทือน การคมนาคมขนส่ง การโยกย้าย การเวนคืนและชดเชยที่ดิน ทรัพย์สิน สิ่งปลูกสร้าง ให้ดำเนินการแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฯ อย่างครบถ้วน +รวมถึงขอความร่วมมือในการบริหารจัดการพื้นที่ก่อสร้างให้มีความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกต่อการสัญจรของประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งได้เน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญกับแหล่งโบราณคดี ประวัติศาสตร์และศาสนสถานในพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ ที่ต้องมีการดำเนินการก่อสร้างด้วยความระมัดระวัง และปฏิบัติตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าในเรื่องรูปแบบและตำแหน่งสถานีให้สอดคล้องกลมกลืนกับอารยสถาปัตย์ของพื้นที่โดยรอบการก่อสร้างโครงการ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92111 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _1_e7062ed3-eb06-42d0-9e58-045fbbd740e4.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _1_e7062ed3-eb06-42d0-9e58-045fbbd740e4.txt" new file mode 100644 index 000000000..b08ca7d42 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _1_e7062ed3-eb06-42d0-9e58-045fbbd740e4.txt" @@ -0,0 +1,8 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-๘ มกราคม ๒๕๖๘ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +๘ มกราคม ๒๕๖๘ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา +#กระทรวงกลาโหม #สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม #กองทัพไทย #กองบัญชาการกองทัพไทย #กองทัพบก #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #ทหารบก #ทหารเรือ #ทหารอากาศ #เหล่าทัพ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92113 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _2_f1ae6d3b-dfed-44f1-8f77-f41026c19403.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _2_f1ae6d3b-dfed-44f1-8f77-f41026c19403.txt" new file mode 100644 index 000000000..9fae61175 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _2_f1ae6d3b-dfed-44f1-8f77-f41026c19403.txt" @@ -0,0 +1,18 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-มหาดไทยลั่นฆ้อง! เตรียมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น กรุงเทพฯ ประกาศให้โลกรับรู้ไทยพร้อมทุกด้านสมรสเท่าเทียม + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +มหาดไทยลั่นฆ้อง! เตรียมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น กรุงเทพฯ ประกาศให้โลกรับรู้ไทยพร้อมทุกด้านสมรสเท่าเทียม +มหาดไทยลั่นฆ้อง! เตรียมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น กรุงเทพฯ ประกาศให้โลกรับรู้ไทยพร้อมทุกด้านสมรสเท่าเทียม +น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทยและโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือ "กฎหมายสมรสเท่าเทียม" จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ม.ค. 68 นอกจากการเตรียมความพร้อมในด้านระเบียบ ระบบ ตลอดจนบุคลากรที่เกี่ยวข้องแล้วกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองจะได้ ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ความพร้อม และการเริ่มต้นมีผลบังคับของกฎหมายสำคัญฉบับนี้ ให้เป็นที่รับรู้ทั้งในประเทศไทย ต่างประเทศ และทั่วโลกด้วย +โดยในวันที่ 13 ม.ค. 68 ที่จะถึงนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองจะจัดกิจกรรม "มอบธงแห่งความรักทั่วไทย" ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการแสดงความพร้อมเชิงสัญลักษณ์ในการเป็นนายทะเบียนสำหรับการจดทะเบียนสมรสที่มีความเท่าเทียมและสนับสนุนความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานภาครัฐ องค์กรระหว่างประเทศ ผู้แทนสถานเอกอัคราชทูต ภาคประชาสังคมที่ขับเคลื่อนงานด้านสิทธิมนุษยชน สื่อมวลชนเข้าร่วมประมาณ 400 คน +น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในวันดังกล่าวนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทยจะเป็นประธานในงาน กล่าวแสดงความพร้อมของกระทรวงมหาดไทย ในการสนับสนุนการจดทะเบียนสมรสที่มีความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ แสดงความพร้อมของกรมการปกครองในการเป็นนายทะเบียนให้กับทุกความรัก ขณะที่ผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติในประเทศไทย หรือ UN Thailand และผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศจะใช้โอกาสนี้แสดงความยินดีในความก้าวหน้าของประเทศไทยในด้านความเท่าเทียมทางเพศด้วย +นอกจากนี้ จะมีอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ของงานคือ การมอบธงสัญลักษณ์ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดจาก 76 แห่ง และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงมี "Symposium Session" ซึ่งเป็นการแสดงเสียงสะท้อนจากหลากมุมมองเกี่ยวกับความเท่าเทียมด้วย +"กิจกรรมที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมยูเอ็นในวันที่ 13 ม.ค. นอกจากกระเป็นการแสดงความพร้อมของกระทรวงมหาดไทยในการส่งเสริมความเท่าเทียม ความเสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับนานาชาติในฐานะประเทศที่ยอมรับและเคารพสิทธิมนุษยชน รวมถึงสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ" น.ส.ไตรศุลี กล่าว +โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า จากนั้นในวันที่ 23 ม.ค. 68 ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายเริ่มมีผลบังคับ กรมการปกครอง จะจัดกิจกรรม "ตีฆ้องชัย ให้ทุกความรัก 878 อำเภอทั่วไทย" ที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าจะมีผู้มีความหลากหลายทางเพศเข้าขอจดทะเบียนสมรสจำนวนมาก ซึ่งงานวันดังกล่าวถือเป็นการเริ่มเฉลิมฉลองความเท่าเทียมทางความรัก ภายในงานจะมีการแสดงและขบวนขันหมากและพิธีจดทะเบียนสมรสสำหรับคู่รักจำนวน 10 คู่ โดยมีผู้บริหารกรมการปกครองเป็นสักขีพยาน +นอกจากนี้ มีการเสวนาคลินิกกฎหมายเกี่ยวกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม และการจัดนิทรรศการ รวมถึงการให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนของผู้เกี่ยวข้องจากภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสื่อสารถึงความสำคัญของความเท่าเทียมในสังคมไทยด้วย +ข้อมูล : โฆษกกระทรวงมหาดไทย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92130 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _3_0078f85b-4ac4-4e47-b5c1-ba1b89589e9d.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _3_0078f85b-4ac4-4e47-b5c1-ba1b89589e9d.txt" new file mode 100644 index 000000000..1c8aa1d58 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\204\340\270\247\340\270\262\340\270\241\340\270\241\340\270\261\340\271\210\340\270\231\340\270\204\340\270\207 _3_0078f85b-4ac4-4e47-b5c1-ba1b89589e9d.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-พิพัฒน์ เตรียมเสนอ ขยายเวลาต่ออายุใบอนุญาตทำงานแรงงานข้ามชาติ MOU เพื่อให้นายจ้างนำแรงงานเข้าระบบมากสุด + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +พิพัฒน์ เตรียมเสนอ ขยายเวลาต่ออายุใบอนุญาตทำงานแรงงานข้ามชาติ MOU เพื่อให้นายจ้างนำแรงงานเข้าระบบมากสุด +วันที่ 8 มกราคม 2568 เวลา 09.30 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 1/2568 +โดยมีนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้แทนจากฝ่ายความมั่นคง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ศ.นิคม จันทรวิทุร ชั้น 5 กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน อาคารกระทรวงแรงงาน +นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงแรงงาน ได้เปิดให้แรงงาน 4 สัญชาติ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ได้รับอนุญาตทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 มายื่นต่ออายุใบอนุญาตทำงานในลักษณะ MOU ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 นั้น ปัจจุบันพบว่ายังมีนายจ้างบางส่วนที่ยังไม่มาดำเนินการหรือยังดำเนินการไม่ครบทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จ ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้คนต่างด้าวดังกล่าวกลายเป็นแรงงานผิดกฎหมาย และนายจ้างผู้ประกอบการมีกำลังแรงงานที่เพียงพอในการดำเนินธุรกิจ กระทรวงแรงงานจึงได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าว โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว (คบต.) ครั้งที่ 1/2568 ได้มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการต่ออายุใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวในลักษณะ MOU ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 ซึ่งหลังจากนี้ กระทรวงแรงงาน จะนำผลการประชุมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป +ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับนายจ้าง สถานประกอบการ บริษัทที่ได้รับอนุญาตนำคนต่างด้าว ที่ยังไม่ได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวให้เร่งดำเนินการภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้แรงงานสามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป ระหว่างนี้หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางานหรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92154 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _10_56fe4def-ffd2-46e5-bf85-616d2a8af36e.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _10_56fe4def-ffd2-46e5-bf85-616d2a8af36e.txt" new file mode 100644 index 000000000..0880ec043 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _10_56fe4def-ffd2-46e5-bf85-616d2a8af36e.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรมและพบปะกับผู้บริหาร เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรม + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +​ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรมและพบปะกับผู้บริหาร เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรม +​ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรมและพบปะกับผู้บริหาร เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรม +ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรมและพบปะกับผู้บริหาร เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรม +วันที่ 7 มกราคม 2568 เวลา 09.09 น. นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม สักการะพระพุทธสิริวัฒนธรรโมภาสและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงวัฒนธรรม เนื่องในโอกาสที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีนางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม ให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดี ณ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และอาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม ในโอกาสนี้ได้พบปะกับผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม  ผู้บริหารองค์การมหาชนในสังกัด และข้าราชการ ด้วย +ทั้งนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายประสพ เรียงเงิน ข้าราชการพลเรือนสามัญ พ้นจากตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92146 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _11_10686ca6-f47a-4605-9347-66d825b64687.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _11_10686ca6-f47a-4605-9347-66d825b64687.txt" new file mode 100644 index 000000000..d88a58069 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _11_10686ca6-f47a-4605-9347-66d825b64687.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รมว.“สุดาวรรณ” เผยวธ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา 8 มกราคม 2568 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +รมว.“สุดาวรรณ” เผยวธ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา 8 มกราคม 2568 +รมว.“สุดาวรรณ” เผยวธ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา 8 มกราคม 2568 +รมว.“สุดาวรรณ” เผยวธ.จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา  8 มกราคม 2568  จัดพิธีถวายราชสักการะ ลงนามถวายพระพร  พิธีเจริญพระพุทธมนต์  เผยแพร่พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พร้อมจัดกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ +วันที่ 8 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานพิธีถวายราชสักการะและพิธีลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา  8  มกราคม 2568 โดยมีนายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วม ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มีนโยบายเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์และส่งเสริมการสืบสาน รักษาและต่อยอดงานศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยดำเนินงานผ่านการจัดกิจกรรมโครงการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ และเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา  8 มกราคม 2568  ดังนั้น วธ.โดยหน่วยงานในสังกัดได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (สป.วธ.) จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติโดยในส่วนกลาง +ณ กระทรวงวัฒนธรรม จัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระรูป พร้อมเครื่องราชสักการะและจัดพิธีถวายราชสักการะและพิธีลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญาและให้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันคล้ายประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในช่วงเดือนมกราคม 2568  ได้แก่ จัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระรูป พร้อมเครื่องราชสักการะและการลงนามถวายพระพร เผยแพร่พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ พิธีทางศาสนา เช่น ทำบุญตักบาตร ปฏิบัติ  กิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เป็นต้น +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันกรมการศาสนา (ศน.) ร่วมกับวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายพระกุศล โดยจัดพิธีมอบถุงยังชีพถวายพระกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในวันที่ 8 มกราคม 2568 ณ วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ นอกจากนี้ สำนักพระราชวังเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 7 – 9 มกราคม 2568 +“สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านศาสนา ศิลปะดนตรีและวัฒนธรรม ทรงสืบสาน รักษาและต่อยอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ  ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบแฟชั่นและเครื่องประดับ เป็นที่ประจักษ์และยอมรับในระดับนานาชาติ  ทรงสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงในการสานต่องานด้านศิลปหัตถศิลป์และอนุรักษ์ผ้าทอพื้นเมืองและผ้าไทย ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานแบบลายผ้าแก่ชาวทอผ้าในชื่อลาย“ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” และวธ.ได้ทูลเกล้าฯถวายรางวัล “ศิลปาธร”สาขาศิลปะการออกแบบ (แฟชั่นและเครื่องประดับ) แด่พระองค์ เมื่อปีพ.ศ.2561  ทรงเป็นผู้บุกเบิกการออกแบบศิลปกรรมร่วมสมัยสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้านแฟชั่นและเครื่องประดับนำอัตลักษณ์ของไทยเผยแพร่ไปสู่สากล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92147 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _12_a3a326ba-948d-4b97-988e-eb67997a82f7.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _12_a3a326ba-948d-4b97-988e-eb67997a82f7.txt" new file mode 100644 index 000000000..ed0943860 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _12_a3a326ba-948d-4b97-988e-eb67997a82f7.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +​วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม +​วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม +วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. พระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ประธานฝ่ายสงฆ์ นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระกุศล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม โดยมี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายวิเชียร สุขสร้อย เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นางธราพร อำนวยสาร ผู้อำนวยการเขตภาษีเจริญ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม องค์กรเครือข่าย ประชาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธี ณ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ชั้นที่ 2 วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร +สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบแฟชั่นและเครื่องประดับ โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ  ได้ทรงศึกษาค้นคว้าลวดลายผืนผ้าจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และทรงนำมาออกแบบลายพระราชทานเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานโดยมีลายพระราชทานหลักจำนวน 4 ลาย ได้แก่ ลายวชิรภักดิ์, ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ 2567, ลายหัวใจ และลายดอกรักราษฎร์ภักดี พระราชทานแก่ศิลปินช่างทอผ้าและหัตถกรรมไทยไปถักทอผสมผสานกับลวดลายภูมิปัญญาพื้นถิ่นตามความคิดสร้างสรรค์ของศิลปิน อีกทั้งยังทรงแบ่งเบาพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านศาสนา ทรงเป็นแบบอย่างแก่ศาสนิกชน มีความศรัทธามั่นคง นำหลักธรรมคำสอนมายึดถือปฏิบัติ ทรงอุปถัมภ์บำรุงศิลปวัฒนธรรมทางศาสนา ในปี พ.ศ. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปทรงประกอบพิธีสมโภชพระสัมพุทธพรรณี (จำลอง) และเสด็จแทนพระองค์ ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดราชาธิวาสวิหาร และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม และวัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร และเสด็จไปในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการสืบสานโบราณราชประเพณี +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกภูมิภาค จะได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี สำนึกในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้วยการบำเพ็ญคุณความงามดีถวายพระกุศล กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมทางศาสนามาเป็นเครื่องมือในการสร้างสติ สมาธิ และปัญญา โดยในส่วนกลาง กรมการศาสนาร่วมกับวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายพระกุศล ในวันพุธที่ 8 มกราคม 2568 ณ วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระราชทานพระอนุญาต เชิญอักษรพระนามาภิไธย ส.ร.ประดิษฐานบนพัดรอง จำนวน 11 ด้าม และประดิษฐานบนย่าม จำนวน 11 ใบ เพื่อถวายพระสงฆ์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระกุศล และพิธีมอบถุงยังชีพถวายพระกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัฒณวรีนารีรัตนราชกัญญา ในวันพุธที่ 8 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ชั้นที่ 2 วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร และในส่วนภูมิภาคร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด 76 จังหวัด จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ จัดนิทรรศการหรือจัดทำวิดีทัศน์เฉลิมพระเกียรติฯ ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ นอกจากจะให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมกันทำความดีถวายพระกุศล อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ยังส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อให้เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม อีกทั้งเสริมสร้างความรักความสามัคคีปรองดอง สมานฉันท์ ด้วยการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกัน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระหว่างสถาบันชาติ ศาสนา และประชาชน อันจะก่อให้เกิดความสงบร่มเย็นอย่างยั่งยืน และรักษาวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ให้คงอยู่สืบต่อไป นอกจากนี้ สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 8 มกราคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 7 – 9 มกราคม 2568 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92149 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _1_43e71759-ab80-4d96-994a-05103880fa93.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _1_43e71759-ab80-4d96-994a-05103880fa93.txt" new file mode 100644 index 000000000..1055cea48 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _1_43e71759-ab80-4d96-994a-05103880fa93.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​วธ. จัด “กิจกรรมอารามอร่าม ๑๑ วัด ๑ โบสถ์พราหมณ์ ๑ พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๘” + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +​วธ. จัด “กิจกรรมอารามอร่าม ๑๑ วัด ๑ โบสถ์พราหมณ์ ๑ พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๘” +​วธ. จัด “กิจกรรมอารามอร่าม ๑๑ วัด ๑ โบสถ์พราหมณ์ ๑ พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๘” เชิญชวนประชาชนร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพลิดเพลินไปกับความงามวิจิตรของวัดยามค่ำคืนต้อนรับปีมะเส็ง +วธ. จัด “กิจกรรมอารามอร่าม ๑๑ วัด ๑ โบสถ์พราหมณ์ ๑ พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๘” เชิญชวนประชาชนร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพลิดเพลินไปกับความงามวิจิตรของวัดยามค่ำคืนต้อนรับปีมะเส็ง +วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2567 เวลา 17.30 น. กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีเปิดกิจกรรม “อารามอร่าม 11 วัด ๑1 โบสถ์พราหมณ์ 1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568” โดยมีนางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการ เจ้าหน้ากรมการศาสนา และสื่อมวลชนเข้าร่วม ณ วัดราชนัดดาราม กรุงเทพมหานคร +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.)  กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา กรมศิลปากร กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ร่วมกันจัดกิจกรรม “อารามอร่าม 11 วัด ๑ โบสถ์พราหมณ์ 1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568” เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมสืบสานวิถีพุทธ เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชนรอบวัด พร้อมเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ผ่านการชมทัศนียภาพวัด โบสถ์พราหมณ์ และพิพิธภัณฑ์ ยามค่ำทั่วกรุงเทพฯ โดยบูรณาการความร่วมมือกับวัดในกรุงเทพมหานคร 11 แห่ง ได้แก่ 1) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม 2) วัดไตรมิตร-วิทยาราม 3) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม 4) วัดประยุรวงศาวาส 5) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ 6) วัดสุทัศนเทพวราราม 7) วัดอรุณราชวราราม 8) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม 9) วัดราชนัดดาราม 10) วัดระฆังโฆสิตาราม 11) วัดสระเกศ รวมถึงเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ดำเนินนโยบายขับเคลื่อน Soft Power ภายใต้เทศกาล Thailand Winter Festivals ของรัฐบาล เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ด้วยมิติทางศาสนาและวัฒนธรรม เพื่อมอบประสบการณ์ความสุขส่งท้ายปี ไปพร้อมกับเทศกาลแสงสี (Lighting & Illumination) ภายใต้แนวคิด “7 Wonders of Thailand” ที่เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เยี่ยมชมและสัมผัสความงดงามของศาสนสถานและพิพิธภัณฑ์ด้วยแสงไฟยามค่ำคืนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยมีการเปิดงาน “อารามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์ 1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568” เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้ไหว้พระเสริมสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว เข้าวัดใกล้ชิดพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการเรียนรู้ผ่านมุมมองของการถ่ายภาพ ซึ่งในปัจจุบันถือเป็นเทรนด์การท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้เยาวชนได้สัมผัสวัฒนธรรมไทยในมุมมองใหม่ และยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนโดยรอบวัด ทั้งธุรกิจการท่องเที่ยวและการบริการ เช่น ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึกโดยรอบวัด ร้านอาหาร คาเฟ่ ตลอดจนรถโดยสารสาธารณะและเรือโดยสารข้ามฟาก นอกจากนี้ ภายในพิธีเปิดฯ ยังได้จัดรถรางนำชมไฟอารามอร่ามตามเส้นทางบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ได้แก่ วัดราชนัดดาราม วัดสุทัศนเทพวราราม เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทำบุญไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เข้าชมแหล่งเรียนรู้ วัด และพิพิธภัณฑ์ฯ โดยมีวิทยากรจากกรมศิลปากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับศาสนสถานและโบราณสถานที่สำคัญตลอดเส้นทาง +อย่างไรก็ตาม กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา มีความเชื่อมั่นว่ากิจกรรม “อารามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์ 1 พิพิธภัณฑ์ ประดับไฟฉลองต้อนรับเทศกาลปีใหม่ 2568” จะช่วยส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย Soft Power ด้านศาสนา เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทกระทรวงวัฒนธรรมจากกระทรวงสังคมสู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการส่งมอบความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวให้มาร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ผ่านการชมทัศนียภาพของวัด โบราณสถาน และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่มีความงดงามแตกต่างกันทั้งในช่วงเวลากลางวันและช่วงค่ำ ในระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568 โดยสามารถเยี่ยมชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. หรือตามที่วัดเห็นสมควร และชมความวิจิตรงดงามของวิหารที่ประดับด้วยแสงไฟ รวมทั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ตั้งแต่เวลา 18.00 – 21.00 น. หรือตามที่วัดเห็นสมควร + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92117 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _2_d3b348fd-1e0a-4d4c-9a85-8dffba410e01.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _2_d3b348fd-1e0a-4d4c-9a85-8dffba410e01.txt" new file mode 100644 index 000000000..aff863ad1 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _2_d3b348fd-1e0a-4d4c-9a85-8dffba410e01.txt" @@ -0,0 +1,16 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-เปิดกล่องของขวัญปีใหม่ 2568 วธ.มอบความสุขคนไทย + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +เปิดกล่องของขวัญปีใหม่ 2568 วธ.มอบความสุขคนไทย +เปิดกล่องของขวัญปีใหม่ 2568 วธ.มอบความสุขคนไทย +เปิดกล่องของขวัญปีใหม่ 2568 วธ.มอบความสุขคนไทย “สุดาวรรณ” เชิญชวนร่วมสวดมนต์ข้ามปี ไหว้พระ “นบพระปฏิมา 9 นครามหามงคล” พระพุทธรูปสำคัญจาก 9 เมืองโบราณรับปีใหม่ จัดกิจกรรม “อารามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์ 1 พิพิธภัณฑ์” ประดับไฟฉลองปีใหม่ เที่ยมชมพิพิธภัณฑ์ - อุทยานประวัติศาสตร์ฟรี พร้อมหนุนจ้างศิลปินพื้นบ้านแสดงช่วงงานเทศกาลปีใหม่ +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. 2568 รัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมพิเศษช่วงเดือนธันวาคม 2567 ถึงมกราคม 2568 เป็นของขวัญปีใหม่ ให้แก่ประชาชน มีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้ 1.กิจกรรมทางศาสนา เสริมสร้างความเป็นสิริมงคล ได้แก่ กรมการศาสนา (ศน.) จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี โดยส่วนกลางจัดกิจกรรม ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ส่วนภูมิภาคจัดกิจกรรม ณ วัดหรือสถานที่ตามบริบทของจังหวัด นอกจากนี้จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีอาเซียนร่วมกับจังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบึงกาฬ ศรีสะเกษ สุรินทร์ เชียงราย มุกดาหาร อุบลราชธานี นครพนม หนองคาย เลย ระนอง ตาก ตราด แม่ฮ่องสอน สตูล สงขลา ยะลา และจังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในต่างประเทศ โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องขอความร่วมมือวัดไทยและวัดพุทธทั่วโลกจัดกิจกรรม อีกทั้งเปิดช่องทางให้ประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายร่วมสวดมนต์ข้ามปีออนไลน์ ผ่านทางเว็บเพจสวดมนต์ข้ามปี chanting 2025 อีกด้วย +นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า ขณะที่ ศน. กรมศิลปากร (ศก.) และกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) จัดกิจกรรม “อรามอร่าม 11 วัด 1 โบสถ์พราหมณ์ 1 พิพิธภัณฑ์ เชิญชวนประชาชนเยี่ยมชมและสัมผัสความงดงามวิจิตรตระการตาของวัดด้วยแสงไฟยามต่ำคืน วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2568 ได้แก่ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดไตรมิตรวิทยาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดประยุรวงศาวาส วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ วัดสุทัศนเทพวราราม วัดอรุณราชวราราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดราชนัดดาราม วัดระฆังโฆสิตาราม และวัดสระเกศ รวมถึงเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พร้อมทั้งมีจุดถ่ายภาพ Check-in ตามสถานที่ต่าง ๆ +นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า 2.กิจกรรมเปิดแหล่งเรียนรู้ ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม โดย ศก.          เปิดให้เข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และโบราณสถานทุกแห่งที่อยู่ในการดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ถึง 1 มกราคม 2568 นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมยลพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธียามค่ำคืน “เรือพระราชพิธี ศรีแห่งนครา” เปิดให้ชมเรือพระราชพิธี พร้อมกับรับชมการเห่เรือโดยกองทัพเรือ ใวันที่ 27 - 29 ธันวาคม 2567 และเปิดให้กราบสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ “นบพระปฏิมา 9 นครามหามงคล” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปจาก 9 เมืองโบราณ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วันที่ 25 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2568 โดยมีพระพุทธสิหิงค์พระประธานในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และอีก 9 องค์จาก 9 เมืองโบราณ ได้แก่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย (เมืองเชียงใหม่) พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม 2 พระหัตถ์ (เมืองลพบุรี) พระพุทธรูปปางมารวิชัย (เมืองสรรคบุรี) พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย (เมืองสุโขทัย) พระพิมพ์ลีลาในซุ้มเรือนแก้ว (พระกำแพงศอก) (เมืองสุพรรณบุรี) พระพุทธรูปปางมารวิชัย(พระนครศรีอยุธยา) พระพุทธรูปปางมารวิชัย (พระขนมต้ม) (เมืองนครศรีธรรมราช) พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย 2พระหัตถ์ (เมืองพิษณุโลก) และพระชัยเมืองนครราชสีมา (เมืองนครราชสีมา) +นอกจากนี้ เปิดห้องสมุดยามค่ำคืน “Night Library@ National library of Thailand” ที่หอสมุดแห่งชาติ  ท่าวาสุกรี วันจันทร์ - ศุกร์ เปิดจนถึงเวลา 19.30 น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ เปิดจนถึงเวลา 17.00 น. พบกับกิจกรรม อาทิ การแสดงเปียโนจุฑาธุช & นิทรรศการแผ่นเสียงในสยาม การฉายภาพยนตร์ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Netflix Café และจุดถ่ายภาพ Check-in พร้อมทั้งแจกของขวัญพิเศษ ตั้งแต่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2568 ด้าน สวธ.เปิดหออัครศิลปิน จังหวัดปทุมธานี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย วันที่ 15 ธันวาคม 2567 ถึง 15 มกราคม 2568 และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) เปิดหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ถึง 1 มกราคม 2568 ส่วนสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) เปิดเข้าชมหอศิลป์ วิทยาลัยช่างศิลป เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร จัดแสดงผลงานทางศิลปะของศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับชาติ และผลงานสร้างสรรค์จากการประกวดของนักเรียน นักศึกษาของวิทยาลัยฯ วันที่ 14 - 20 ธันวาคม 2567 ณ วิทยาลัยช่างศิลปะ ขณะที่หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) จัดฉายภาพยนตร์โปรแกรม “Warm on a Cold Night” วันที่ 24 ธันวาคม 2567 ถึง 1 มกราคม 2568 +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า 3.กิจกรรมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม สร้างความสุข ความรื่นเริง ได้แก่ สวธ.ร่วมกับสภาวัฒนธรรมจังหวัด 77 จังหวัด มอบความสุขเป็นของขวัญปีใหม่ ด้วยการจัดกิจกรรมศิลปะการแสดงพื้นบ้าน ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ วันที่ 15 ธันวาคม 2567 - 15 มกราคม 2568 ทั่วประเทศและจัดการแสดงทางวัฒนธรรมในงานกาชาด ประจำปี 2567 อาทิ การแสดงหมอลำ การแสดงลำตัด การแสดงกันตรึม การแสดงหนังตะลุง และการแสดงโนรา วันที่ 16 - 17 ธันวาคม 2567 ณ สวนลุมพินี และจัดการแสดงระบำ รำ ฟ้อน ละครนอก เรื่อง “สังข์ทอง ตอน มณฑาลงกระท่อม” วันที่ 18 - 19 ธันวาคม 2567 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ด้าน สบศ. จัดงานมหกรรมศิลปวัฒนธรรมไทยและการแสดงสร้างสรรค์ระดับชาติและระดับนานาชาติ วันที่ 25 – 26 มกราคม 2568 ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร +“4. ส่งต่อความสุขและความปรารถนาดีด้วยผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม โปรโมชัน และแคมเปญต่าง ๆ สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม จัดโปรโมชั่นผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) เป็นของขวัญปีใหม่ พร้อมเชิญชวนให้เลือกซื้อ CPOT ทาง E-Catalog ผ่าน Facebook page: CPOT และแอปพลิเคชัน TikTok ช่อง cpotshop "ของดีจากชุมชน สุขใจผู้ให้ถูกใจผู้รับ" และกิจกรรมส่งความสุขออนไลน์ด้วยบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (e - Card) กระทรวงวัฒนธรรมวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 15 มกราคม 2568 ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ที่ระบบบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์ (e - Card) ได้ที่ https://ecard.m-culture.go.th ส่วน ศก. จัดแคมเปญ “การให้หนังสือคือการให้ปัญญา” จัดโปรโมชันลดราคาหนังสือที่จัดพิมพ์ 15 - 20 เปอร์เซ็นต์ ด้านศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) จัดกิจกรรม “Moral Verse x Zoo ทำดีในโลกเสมือนต่อยอดทำดีได้ในสวนสัตว์” ร่วมกับองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบบัตรเข้าสวนสัตว์ฟรี โดยใช้คะแนนจากเกม Moral Verse แลกบัตรเข้าชมสวนสัตว์ฟรีทั่วประเทศทั้งในรูปแบบ One - Day Pass และบัตร Family Pass ผู้ที่สนใจร่วมเล่นเกมออนไลน์สะสมคะแนนได้ที่ https://moralsverse.com และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) จัดแคมเปญโปรโมชันลดราคาหนังสือสูงสุด 40 เปอร์เซ็นต์ และได้จัดหนังสือหมวดหมู่หนังสือเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ที่สนใจเลือกซื้อเป็นของขวัญปีใหม่” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว +อย่างไรก็ตาม ขอเชิญชวนทุกท่านมอบผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย CPOT ที่ได้รับการต่อยอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีความโดดเด่น ร่วมสมัย ใช้งานง่ายและบ่งบอกถึงความเป็นไทย เป็นของขวัญปีใหม่ สร้างความสุขใจทั้งผู้ให้และผู้รับ โดยช่วงเทศกาลปีใหม่ ชุมชน ผู้ประกอบการ CPOT พร้อมใจกันร่วมจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ ทั้งลดสูงสุดถึง 50% บัตรส่วนลดและของแถมมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มกราคม 2568 อาทิ เปเปอร์ อาร์ตไทย จากชุมชนคุณธรรมบ้านนาดี จ.สมุทรสาคร ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวข้าวหอมสุพรรณบุรี จากชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรมดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมจากสมุนไพร “เรือบุญ” จากชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรมไทยสมุทร จ.สระบุรี ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ มาบเอื้อง จากชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรมมาบเอื้อง จ.ชลบุรี ผลิตภัณฑ์จากใบบัว De Bua จากชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรมวัดเกาะคา จ.ลำปาง กระเป๋าผ้าไหม Salete จากชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรมชนบท จ.ขอนแก่น ผลิตภัณฑ์บัวทองเหลือง จากชุมชนคุณธรรมวัดค่าย จ.พระนครศรีอยุธยา ผลิตภัณฑ์ผ้าบาติก บาราโหม จากชุมชนคุณธรรมมัสยิดบาราโหม จ.ปัตตานี ผลิตภัณฑ์ผ้าปาเต๊ะจาก ยาหยี (YAYEE) จากชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรมกะทู้ จ.ภูเก็ต เครื่องประดับเบญจรงค์ลายซิ่น จากชุมชนคุณธรรมเมืองลับแล จ.อุตรดิตถ์ และกระเป๋าป่านศรนารายณ์ จากชุมชนเครือข่ายทางวัฒนธรรมเขาใหญ่ จ.เพชรบุรี เป็นต้น ดังนั้น อยากเชิญชวนประชาชน ร่วมช่วยกันอุดหนุนผลิตภัณฑ์ CPOT เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ชุมชน ผู้ประกอบการ และ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจของประเทศไทย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92119 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _3_ab253fc8-f2fa-4d32-85c8-9f315c9a702c.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _3_ab253fc8-f2fa-4d32-85c8-9f315c9a702c.txt" new file mode 100644 index 000000000..2d7e1908c --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _3_ab253fc8-f2fa-4d32-85c8-9f315c9a702c.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมตักบาตรรับปีใหม่ พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญ สืบทอดพระพุทธศาสนา เสริมสิริมงคลต้อนรับปี 2568 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมตักบาตรรับปีใหม่ พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญ สืบทอดพระพุทธศาสนา เสริมสิริมงคลต้อนรับปี 2568 +กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมตักบาตรรับปีใหม่ พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญ สืบทอดพระพุทธศาสนา เสริมสิริมงคลต้อนรับปี 2568 +กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมตักบาตรรับปีใหม่ พุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญ สืบทอดพระพุทธศาสนา เสริมสิริมงคลต้อนรับปี 2568 +วันที่ 1 มกราคม 2567 เวลา 07.00 น. กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมตักบาตรรับปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล พุทธศักราช ๒๕๖๘ โดยมี นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน พร้อมด้วยนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เจ้าหน้าที่ ประชาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ถวายพระราชกุศล เสริมสิริมงคลทั่วไทย ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับศักราชใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568 เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบุรพมหากษัตริยาธิราช ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวมทั้งเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและนำหลักธรรมคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ลด ละ เลิกอบายมุข เสริมสิริมงคลในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พุทธศักราช 2568 สำหรับกิจกรรมในวันที่ 1 มกราคม 2568 ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีตักบาตรพระสงฆ์ โดยมีพุทธศาสนิกชนนำข้าวสารอาหารแห้ง ตลอดจนเครื่องอุปโภคบริโภค ร่วมทำบุญตักบาตรรับปีใหม่ ถือเป็นการเริ่มวิถีชีวิตใหม่ด้วยแสงแห่งธรรมนำทาง ซึ่งเป็นแสงแรกของปี 2568 +สำหรับกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา กรมการศาสนาได้ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดรวบรวมข้อมูลจากศูนย์ประสานงานสวดมนต์ข้ามปี ในกรุงเทพและส่วนภูมิภาค พบว่ามีวัด ศาสนสถาน รวมทั้งสถานที่อื่นๆ จัดกิจกรรมจำนวน 24,835 แห่ง และกรมการศาสนายังร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ประสานความร่วมมือไปยังวัดไทยและวัดทางพระพุทธศาสนาในต่างประเทศทั่วโลกร่วมจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี อาทิ ประเทศสิงคโปร์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน มาเลเซีย ลาว เนปาล ศรีลังกา อินเดีย ฟินแลนด์ เยอรมนี นอร์เวย์ เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอแลนด์ สหรัฐอเมริกา โดยมีวัดเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 65 วัด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 29,925 คน ทั้งนี้ รวมมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีทั้งสิ้น จำนวน 12,520,212 คน (onsite 6,492,281 คน และ online 6,027,931 ครั้ง) อันเป็นการแสดงถึงการร่วมอนุรักษ์ สืบทอดพระพุทธศาสนา และประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นที่มีคุณค่า ให้ดำรงอยู่ในทุกพื้นที่ด้วยความรัก ความสามัคคี และความมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จวบจนถึงปัจจุบัน และได้รับความสนใจจากประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นทุกปี +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่ออีกว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา มุ่งหวังว่ากิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี จะนำไปสู่การเสริมสร้างพลังใจให้มีจิตใจที่ผ่องใส ก่อให้เกิดอานิสงส์เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนลดความเสี่ยงจากอบายมุขและอุบัติเหตุในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ สร้างกุศลแก่ชีวิตทั้งทางกายและจิตใจด้วยหลักธรรมทางศาสนา และเริ่มต้นชีวิตในปีใหม่ด้วยสิ่งที่เป็นมงคล ก้าวไปสู่วิถีชีวิตใหม่ให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ช่วยปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายและโรคภัยต่างๆ ให้แก่ชีวิตของตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดปีและตลอดไป/// + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92121 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _4_1525055d-87c4-4b9c-a066-67389e291ee7.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _4_1525055d-87c4-4b9c-a066-67389e291ee7.txt" new file mode 100644 index 000000000..763def943 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _4_1525055d-87c4-4b9c-a066-67389e291ee7.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“สุดาวรรณ” ลุยนำทัพจัดทำคำของบประมาณ ปี 69 สนองนโยบายสำคัญรัฐบาล – ขับเคลื่อนนโยบาย "วัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" ของ วธ.เน้น "4 นโยบาย - 3 แนวทาง - 2 รูปแบบ - 1 เป้าหมาย" + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +“สุดาวรรณ” ลุยนำทัพจัดทำคำของบประมาณ ปี 69 สนองนโยบายสำคัญรัฐบาล – ขับเคลื่อนนโยบาย "วัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" ของ วธ.เน้น "4 นโยบาย - 3 แนวทาง - 2 รูปแบบ - 1 เป้าหมาย" +“สุดาวรรณ” ลุยนำทัพจัดทำคำของบประมาณ ปี 69 สนองนโยบายสำคัญรัฐบาล – ขับเคลื่อนนโยบาย "วัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" ของ วธ.เน้น "4 นโยบาย - 3 แนวทาง - 2 รูปแบบ - 1 เป้าหมาย" +“สุดาวรรณ” ลุยนำทัพจัดทำคำของบประมาณ ปี 69 สนองนโยบายสำคัญรัฐบาล – ขับเคลื่อนนโยบาย "วัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" ของ วธ.เน้น "4 นโยบาย - 3 แนวทาง - 2 รูปแบบ - 1 เป้าหมาย" แนะกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อ ปชช. – หนุน วธ.สู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่าในการประชุมเตรียมความพร้อมในการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ตามนโยบาย รมว.วธ. เมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เพื่อให้ทุกหน่วยรับงบประมาณนำไปกำหนดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายสำคัญของ ดังนั้น จึงได้สั่งการให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างผู้บริหารกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการและองค์การมหาชนในสังกัด วธ. เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการจัดทำแผนงานและโครงการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมีการกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด ผลลัพธ์ที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนหรือเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ รวมถึงให้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานเพื่อลดความซ้ำซ้อน เกิดความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ +นางสาวสุดาวรรณ กล่าวอีกว่า พร้อมทั้งมอบหมายให้นำนโยบาย "วัฒนธรรมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ" มีกรอบแนวคิดขับเคลื่อนงาน คือ "4 นโยบาย - 3 แนวทาง - 2 รูปแบบ - 1 เป้าหมาย"ประกอบด้วย 4 นโยบาย ได้แก่ 1. ทุน การส่งเสริม สร้างสรรค์ ผลักดันทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ 2.ระบบนิเวศ เสริมสร้างระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจวัฒนธรรม 3. คน เสริมพลังสร้างสรรค์ให้ "คน" เป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรม และ 4.สินค้าและบริการพัฒนาและผลักดันสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมให้มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดโลกโดยมี 3. แนวทาง ได้แก่ 1. เชื่อมโยงอุตสาหกรรมวัฒนธรรมกับอุตสาหกรรมสาขาอื่น ๆ อาทิ วัฒนธรรมกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วัฒนธรรมกับการเกษตร วัฒนธรรมกับการแพทย์ ฯลฯ 2.ร่วมมือ บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนและทุกหน่วยงานโปร่งใส ไม่โซโล ไม่ซ้ำซ้อน และ 3. ยั่งยืน โดยคำนึงถึงความยั่งยืน 3 มิติ คือประโยชน์ที่ยั่งยืนแก่ประเทศชาติและประชาชน การบริหารจัดการที่ยั่งยืน และคุณค่าของวัฒนธรรมที่ยั่งยืน ส่วน 2 รูปแบบ ได้แก่ รักษาสิ่งเดิม และเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ด้าน 1 เป้าหมาย คือเศรษฐกิจวัฒนธรรมเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ ได้แก่ เศรษฐกิจเติบโต เร่งเพิ่ม GDP ด้านวัฒนธรรมผ่านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ สังคมยั่งยืน เพิ่มจำนวนแรงงานทักษะสูงด้านวัฒนธรรมและเข้าสู่ระบบวิชาชีพและสู่เวทีโลก ประเทศไทยเป็น 1ใน 25 ประเทศที่มีอิทธิพลด้าน Soft Power ในมิติวัฒนธรรมในปี 2570 +ทั้งนี้ มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัดนำประเด็นที่มีการอภิปรายจากที่ประชุมไปปรับปรุงการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ของ วธ. ให้สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงและนโยบายรัฐบาลในทุกมิติ รวมถึงให้ทุกหน่วยงานประชุมหารือแผนการบูรณาการการทำงานของทุกหน่วยงานให้ชัดเจน เพื่อให้การจัดทำคำของบประมาณครอบคลุมและการบูรณาการเรื่องงบประมาณ ตลอดจนเพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเกิดประสิทธิภาพและไม่ซ้ำซ้อน และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานจัดทำแผนงานและโครงการ โดยกำหนดเป้าหมาย และตัวชี้วัดให้ชัดเจน ภารกิจหลักของแต่ละหน่วยงานที่ต้องดำเนินการต่อเนื่องให้จัดทำคำของบประมาณดำเนินการต่อเนื่องโดยการรักษาสิ่งเดิม และให้จัดทำแผนงานและโครงการใหม่ที่จะขับเคลื่อนนโยบายของ วธ. และรัฐบาลครบคู่ไปด้วยการเพิ่มเติมสิ่งใหม่ เพื่อผลักดัน วธ.สู่กระทรวงสังคมกึ่งเศรษฐกิจ โดยใช้อัตลักษณ์พื้นถิ่น ทุนทางวัฒนธรรมมรดกภูมิปัญญาสร้างมูลค่าเพิ่มและพัฒนาให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92122 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _5_eace2878-23b1-4866-adf2-8406fdc5c0ac.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _5_eace2878-23b1-4866-adf2-8406fdc5c0ac.txt" new file mode 100644 index 000000000..76024ddce --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _5_eace2878-23b1-4866-adf2-8406fdc5c0ac.txt" @@ -0,0 +1,10 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ +​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ในนามกระทรวงวัฒนธรรม +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ในนามกระทรวงวัฒนธรรม +วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๘  นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  ถวายแจกันดอกไม้และลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ในนามกระทรวงวัฒนธรรม โดยมี นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางโชติกา อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารและข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรมเข้าร่วม ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92123 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _6_1bb73eb9-8c4a-492b-81f9-a7cfc94d3260.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _6_1bb73eb9-8c4a-492b-81f9-a7cfc94d3260.txt" new file mode 100644 index 000000000..51640da3b --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _6_1bb73eb9-8c4a-492b-81f9-a7cfc94d3260.txt" @@ -0,0 +1,14 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​“รมว.สุดาวรรณ” เดินหน้าคัดเทศกาล - ประเพณีทั่วไทย ประกาศยกระดับสู่ระดับชาติ - นานาชาติ หวังเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยว ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power - สร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชน + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +​“รมว.สุดาวรรณ” เดินหน้าคัดเทศกาล - ประเพณีทั่วไทย ประกาศยกระดับสู่ระดับชาติ - นานาชาติ หวังเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยว ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power - สร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชน +​“รมว.สุดาวรรณ” เดินหน้าคัดเทศกาล - ประเพณีทั่วไทย ประกาศยกระดับสู่ระดับชาติ - นานาชาติ หวังเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยว ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power - สร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชน +“รมว.สุดาวรรณ” เดินหน้าคัดเทศกาล - ประเพณีทั่วไทย ประกาศยกระดับสู่ระดับชาติ - นานาชาติ หวังเป็นแม่เหล็กดึงนักท่องเที่ยว ขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power - สร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชน +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่าได้รับรายงานว่าที่ประชุมคณะทำงานยกระดับเทศกาลประเพณีไปสู่ระดับชาติและนานาชาติของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 1/2567 เมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งมีนางศศิฑอณร์ สุวรรณมณี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมฯ ได้พิจารณาเกณฑ์การคัดเลือกเทศกาลประเพณีของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) เพื่อยกระดับไปสู่ระดับชาติและนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาคัดเลือกเทศกาลประเพณีที่โดดเด่นและมีศักยภาพของจังหวัดตามที่ สวจ. ได้นำเสนอ +“เกณฑ์และประเด็นการพิจารณาจะคัดเลือกจากหลักเกณฑ์ด้านต่างๆ อาทิ 1.ข้อมูลทั่วไปของเทศกาลประเพณี 2.ด้านคุณค่าและอัตลักษณ์ พิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น ประวัติ ความเป็นมา ความสำคัญและเอกลักษณ์/อัตลักษณ์ที่โดดเด่น ความเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนนโยบาย วธ. ในมิติต่างๆ เช่น มีรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่อยู่ในบัญชีมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก หรือกำลังศึกษาความเป็นไปได้เพื่อขึ้นทะเบียน เป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกหรือเมืองที่มีศักยภาพและแสดงเจตจำนงเข้าร่วมเป็นสมาชิก กิจกรรมทางวัฒนธรรมร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือกิจกรรมทางวัฒนธรรมระหว่างประเทศหรือนโยบายด้านวัฒนธรรมกับต่างประเทศทั้งระดับทวิภาคี ระดับพหุภาคี และอาเซียน รวมถึงกิจกรรมการขับเคลื่อนการสนับสนุนส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม/กลุ่มชาติพันธุ์ และกิจกรรมขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power และอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ เป็นต้น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว +นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า 3.ด้านการจัดงาน/กิจกรรม ประกอบด้วย ขนาดการของกิจกรรม ความต่อเนื่องของการจัดเทศกาลประเพณี จำนวนวัน จำนวนผู้เข้าร่วมเฉลี่ยต่อวัน เป็นต้น และ 4.แนวทางการยกระดับเทศกาลประเพณี ภายใต้กรอบแนวทางการยกระดับ อาทิ การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้การจัดงานในวงกว้าง การสร้างองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ นิทรรศการ การอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาทักษะ การขยายกลุ่มเป้าหมายการส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย ส่งเสริมการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงและการส่งเสริมแหล่งมรดกโลก/เมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก/มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของยูเนสโกให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น การส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรมและกลุ่มชาติพันธุ์ ขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาลจุดเน้น วธ. และมีกิจกรรมการจัดงานและแสดงให้เห็นผลลัพธ์การสร้างการรับรู้และสร้างรายได้ รวมถึงบูรณาการร่วมกันหน่วยงานอื่น เป็นต้น +รมว.วธ. กล่าวว่า สวจ.ได้นำเสนอและเทศกาลประเพณีที่โดดเด่นและมีศักยภาพของจังหวัด จำนวน 1 เทศกาล/ประเพณี พร้อมรายละเอียดส่งมายัง วธ. เพื่อนำเสนอให้ประชุมคณะทำงานฯ พิจารณา ซึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีการนำเสนอเทศกาลประเพณีเข้ารับการคัดเลือกยกระดับไปสู่ระดับชาติและนานาชาติ จำนวน 68 เทศกาล/ประเพณี จำแนกเป็น 4 ภูมิภาค ได้แก่ 1.ภาคเหนือ 13 เทศกาล/ประเพณี 2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 เทศกาล/ประเพณี 3.ภาคกลางและภาคตะวันออก 22 จังหวัด และ 4.ภาคใต้ จำนวน 13 เทศกาล/ประเพณี ทั้งนี้จะพิจารณาการคัดเลือกเทศกาลประเพณีตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เพื่อยกเทศกาลประเพณีไปสู่ระดับชาติและนานาชาติ ในปี 2568 และประกาศผลการคัดเลือกให้ทราบต่อไป +อย่างไรก็ตามการคัดเลือกเทศกาลประเพณีที่โดดเด่นและมีศักยภาพเพื่อผลักดันสู่ระดับชาติและนานาชาติ ในการขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power และเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์โดยใช้เทศกาลประเพณีที่มีศักยภาพและมีความโดดเด่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ส่งเสริมการสร้างความสามารถในการแข่งขัน สร้างงานและร่วมกันสืบสาน และต่อยอดประเพณีของไทยให้เป็นที่รู้จัก ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ และสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92125 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _7_e08975cc-69b7-488a-93c9-bf79d43bcd5c.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _7_e08975cc-69b7-488a-93c9-bf79d43bcd5c.txt" new file mode 100644 index 000000000..6072d1d6b --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _7_e08975cc-69b7-488a-93c9-bf79d43bcd5c.txt" @@ -0,0 +1,32 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-THACCA ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กรุงเทพมหานคร หอภาพยนตร์ และ Happening mag จัดเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง" ครั้งที่ 3 ภายใต้งาน Colorful Bangkok 2024 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +THACCA ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กรุงเทพมหานคร หอภาพยนตร์ และ Happening mag จัดเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง" ครั้งที่ 3 ภายใต้งาน Colorful Bangkok 2024 +THACCA ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กรุงเทพมหานคร หอภาพยนตร์ และ Happening mag จัดเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง" ครั้งที่ 3 ภายใต้งาน Colorful Bangkok 2024 +THACCA ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม +สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กรุงเทพมหานคร หอภาพยนตร์ และ Happening mag +จัดเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง” ครั้งที่ 3 ภายใต้งาน Colorful Bangkok 2024 +จัดเต็มทั้งหนังกลางแปลง คอนเสิร์ต การเสวนา +การออกบูทอาหารอร่อยประจำพื้นที่เขตของกรุงเทพมหานคร +การออกบูทของชาวกองถ่าย และนักสร้างสรรค์ และกิจกรรมสร้างสรรค์อีกมากมาย +4 มกราคม 2568 เวลา 17.30 น. ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร – สำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (THACCA) ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กรุงเทพมหานคร หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และ Happening mag จัดพิธีเปิดเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง” ครั้งที่ 3 ภายใต้งาน Colorful Bangkok 2024 โดยนายแพทย์ สุรพงษ์  สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม  รองศาสตราจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี  ยุคล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ ด้านภาพยนตร์ ละคร ซีรีย์ สารคดี และแอนิเมชั่น นางสาวลิปิการ์  กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม คุณชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย คุณมิณราญาพร  สำนองคำ ผู้อำนวยการเทศกาลกรุงเทพกลางแปลง และผู้แทนคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ทุกสาขา เข้าร่วมงาน ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร +ช่วงพิธีเปิดงาน คุณชูเกียรติ  ศักดิ์วีระกุล นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของงาน จากนั้น รองศาสตราจารย์ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการสนับสนุนพื้นที่จัดกิจกรรม นายประสพ  เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ และนายแพทย์สุรพงษ์  สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (ประธานในพิธี) กล่าวเปิดงาน +จากนั้น รับชมโชว์พิเศษจากภาพยนตร์ สัปเหร่อ โดย ปรีชา  ปัดภัย พูดคุยกับทีมภาพยนตร์สัปเหร่อ ฉายภาพยนตร์สั้น “พิธีโล้ชิงช้า” โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ฉายภาพยนตร์ “สัปเหร่อ” และคอนเสิร์ตจาก Whal & Dolph +การจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง” ครั้งที่ 3 ในครั้งนี้เกิดขึ้นจาก ความร่วมมือของหลายภาคส่วน ที่เล็งเห็นถึง ความสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องมือในการ ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมและเรื่องราวของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลกแล้ว ยังเป็นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ ประเทศอีกด้วย สำหรับกิจกรรมการชมภาพยนตร์กลางแปลง เป็นวิถีชีวิตดั้งเดิม ที่เคยปฏิบัติมาก่อนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด เป็นรูปแบบของการมีปฏิสัมพันธ์ แบบหนึ่งของคนในชุมชนเป็นทั้งเครื่องมือที่ให้ความบันเทิงและเครื่องมือในการควบคุมแนวคิดและการปฏิบัติของคนในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการฉายภาพยนตร์กลางแปลงก็เริ่มเสื่อมความนิยมลง เนื่องจากการขยายตัวของโรงฉายภาพยนตร์ที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้า การเข้ามาของเทคโนโลยีของการฉายวีดิทัศน์ภายในครัวเรือนที่พักอาศัย และการขยายตัวของสตรีมมิ่งต่าง ๆ ส่งผลให้วัฒนธรรมการดูภาพยนตร์กลางแปลงเริ่มเลือนหายไป จากสังคมไทย และเพื่อเป็นการรื้อฟื้นภาพจำในอดีต จึงได้เกิดความร่วมมือในการจัดงานเทศกาลภาพยนตร์ “กรุงเทพกลางแปลง” ในครั้งนี้ ซึ่งสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย +กรุงเทพกลางแปลง เริ่มวันที่ 4 มกราคม จัดถึงวันที่ 19 มกราคม 2568 (ทุกวันเสาร์ อาทิตย์) กิจกรรม +เริ่ม เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ฉายภาพยนตร์ 19.00 น. ต่อด้วยคอนเสิร์ตจากศิลปินมากมาย ตารางการฉายภาพยนตร์ อาทิ +ลานคนเมือง +วันที่ 4 มกราคม สัปเหร่อ +วันที่ 5 มกราคม ทวิภพ (Director's Cut) +คลองผดุงกรุงเกษม +วันที่ 11 มกราคม Sea Sparkle +วันที่ 12 มกราคม RedLife +อาคารบันเทิง (สวนลุมพินี) +วันที่ 18 มกราคม ดอยบอย +วันที่ 19 มกราคม ทะเลของฉัน มีคลื่นเล็กน้อย ถึงปานกลาง +และในแต่ละวันจะมีหนังสั้น และดนตรีจากศิลปินมากมาย ให้ชมอีกด้วย +ติดตามตารางฉายหนังยาว หนังสั้น และกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ได้ที่เพจ สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย +https://www.facebook.com/thaifilmdirectorpage + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92126 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _8_641bfd35-7d1a-4769-9caf-664c99ec8bf2.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _8_641bfd35-7d1a-4769-9caf-664c99ec8bf2.txt" new file mode 100644 index 000000000..ce4f09451 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _8_641bfd35-7d1a-4769-9caf-664c99ec8bf2.txt" @@ -0,0 +1,10 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รถโรงหนังเฉลิมทัศน์ โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +รถโรงหนังเฉลิมทัศน์ โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 +รถโรงหนังเฉลิมทัศน์ โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 +รถโรงหนังเฉลิมทัศน์ โดย หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน), กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมจัดกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 จัดฉายภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Varken (Pig) (2022) ที่ได้รับรางวัลระดับนานาชาติจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และภาพยนตร์โปรแกรมพิเศษที่อนุรักษ์โดยหอภาพยนตร์ฯ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมชมภาพยนตร์บนรถโรงหนังได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ  ลงทะเบียนรับตั๋วภาพยนตร์ได้ที่เต็นท์ลงทะเบียนของกระทรวงวัฒนธรรม ใกล้จุดจอดรถโรงหนัง ตั้งอยู่บริเวณประตูที่ 1 ริมรั้ว ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล +. + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92128 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _9_f7594125-46af-4792-ac31-724e3acda026.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _9_f7594125-46af-4792-ac31-724e3acda026.txt" new file mode 100644 index 000000000..e672088ae --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\247\340\270\261\340\270\222\340\270\231\340\270\230\340\270\243\340\270\243\340\270\241\340\270\227\340\271\210\340\270\255\340\270\207\340\271\200\340\270\227\340\270\265\340\271\210\340\270\242\340\270\247\340\270\257 _9_f7594125-46af-4792-ac31-724e3acda026.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม +วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม +วธ. จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม +สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบแฟชั่นและเครื่องประดับ โดดเด่นเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานแบบลายผ้าแก่ชาวทอผ้า ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” อีกทั้งยังทรงแบ่งเบาพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านศาสนา ทรงเป็นแบบอย่างแก่ศาสนิกชน มีความศรัทธามั่นคง นำหลักธรรมคำสอนมายึดถือปฏิบัติ ทรงอุปถัมภ์บำรุงศิลปวัฒนธรรมทางศาสนา ในปี พ.ศ. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จไปทรงประกอบพิธีสมโภชพระสัมพุทธพรรณี (จำลอง) และเสด็จแทนพระองค์ ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดราชาธิวาสวิหาร และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม และวัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร และเสด็จไปในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการสืบสานโบราณราชประเพณี +นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่พสกนิกรชาวไทยทุกภูมิภาค จะได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี สำนึกในพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ด้วยการบำเพ็ญคุณความงามดีถวายพระกุศล กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมทางศาสนามาเป็นเครื่องมือในการสร้างสติ สมาธิ และปัญญา โดยในส่วนกลาง กรมการศาสนาร่วมกับวัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ถวายพระกุศล ในวันพุธที่ 8 มกราคม 2568 ณ วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระราชทานพระอนุญาต เชิญอักษรพระนามาภิไธย ส.ร.ประดิษฐานบนพัดรอง จำนวน 11 ด้าม และประดิษฐานบนย่าม จำนวน 11 ใบ เพื่อถวายพระสงฆ์ในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระกุศล และพิธีมอบถุงยังชีพถวายพระกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัฒณวรีนารีรัตนราชกัญญา ในวันพุธที่ 8 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล ชั้นที่ 2 วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร  และในส่วนภูมิภาคร่วมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดทุกจังหวัด 76 จังหวัด จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และกิจกรรมจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ จัดนิทรรศการหรือจัดทำวิดีทัศน์เฉลิมพระเกียรติฯ ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ นอกจากจะให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมกันทำความดีถวายพระกุศล อันเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ยังส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เพื่อให้เป็นคนดี มีคุณธรรมจริยธรรม อีกทั้งเสริมสร้างความรักความสามัคคีปรองดอง สมานฉันท์ ด้วยการทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาร่วมกัน โดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระหว่างสถาบันชาติ ศาสนา และประชาชน อันจะก่อให้เกิดความสงบร่มเย็นอย่างยั่งยืน และรักษาวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ให้คงอยู่สืบต่อไป นอกจากนี้ สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 8 มกราคม 2568 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ 7 – 9 มกราคม 2568 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92129 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _1_dd08564e-3f86-466a-9102-07fe8db842f8.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _1_dd08564e-3f86-466a-9102-07fe8db842f8.txt" new file mode 100644 index 000000000..ec0908686 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _1_dd08564e-3f86-466a-9102-07fe8db842f8.txt" @@ -0,0 +1,10 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปลัดดีอี บรรยายหัวข้อการติดตามการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลในเชิงพื้นที่ของสถิติจังหวัด + + +วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 +ปลัดดีอี บรรยายหัวข้อการติดตามการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลในเชิงพื้นที่ของสถิติจังหวัด +ปลัดดีอี บรรยายหัวข้อการติดตามการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลในเชิงพื้นที่ของสถิติจังหวัด +ปลัดดีอี บรรยายหัวข้อการติดตามการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลในเชิงพื้นที่ของสถิติจังหวัด +เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการบรรยายหัวข้อการติดตามการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลในเชิงพื้นที่ของสถิติจังหวัด ณ โรงแรม ทีเค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92109 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _2_f9c5fa25-aa10-49ad-8156-ba5290fce702.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _2_f9c5fa25-aa10-49ad-8156-ba5290fce702.txt" new file mode 100644 index 000000000..055bf4f33 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _2_f9c5fa25-aa10-49ad-8156-ba5290fce702.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-"สมศักดิ์" ประชุมผู้บริหาร สธ.นัดแรก ปี 68 จัดเต็มของขวัญวันเด็ก-วันผู้สูงอายุ เพิ่มเข้าถึงการรักษาขั้นสูง ปลื้ม มีคนนับคาร์บแล้ว 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +"สมศักดิ์" ประชุมผู้บริหาร สธ.นัดแรก ปี 68 จัดเต็มของขวัญวันเด็ก-วันผู้สูงอายุ เพิ่มเข้าถึงการรักษาขั้นสูง ปลื้ม มีคนนับคาร์บแล้ว 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568 +รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารระดับสูงนัดแรก ปี 2568 เห็นชอบจัดของขวัญห้ประชาชนต่อเนื่อง ทั้งวันเด็ก รักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเด็กแรกเกิด - 18 ปี +วันผู้สูงอายุ ผ่าตัดต้อกระจกกว่า 150,000 ดวง ปลูกถ่ายกระจกตา 1,500 ดวง ใส่ฟันเทียม 45,000 ราย วันมะเร็งโลก ผ่าตัดมะเร็งด้วยหุ่นยนต์ 100 ราย วันงดสูบบุหรี่โลก เพิ่มเข้าถึงยาช่วยเลิกบุหรี่ พร้อมมอบรางวัลหน่วยงานส่งเสริม อสม.บันทึกผลนับคาร์บ   ครบ 100% ล่าสุดมีคนร่วมนับคาร์บแล้วกว่า 11.8 ล้านคน เดินหน้าให้ได้ 50 ล้านคน ภายในปี 2568 +วันนี้ (8 มกราคม 2568) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 1/2568 ซึ่งมี นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขเข้าร่วม ว่า ก่อนการประชุมได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการจัดการพลังงานในองค์กรด้วยระบบดิจิทัล ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข   กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่จะส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า สนับสนุนให้มีการผลิตและใช้พลังงานทางเลือกเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน โดยจะนำเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในองค์กรด้วยระบบดิจิทัลและนวัตกรรมอื่นๆ มาปรับใช้ภายในสำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสม เพื่อลดการใช้พลังงานอย่างไม่จำเป็น รวมถึง มีการมอบประกาศเกียรติคุณให้แก่สำนักงานเขตสุขภาพทั้ง 12 เขต และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)  10 จังหวัดแรกที่ส่งเสริมสนับสนุน อสม.นับคาร์บตนเองและบันทึกผลผ่านแอปพลิเคชันสมาร์ท อสม. ครบ 100% ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ได้แก่ นครปฐม สมุทรสงคราม เพชรบุรี พังงา หนองคาย แพร่ อุดรธานี อุตรดิตถ์ นครพนม และสุพรรณบุรี +นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า วันนี้ที่ประชุมได้ติดตามความก้าวหน้าใน 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1) การขับเคลื่อนโครงการคนไทยห่างไกลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) พบว่า มีผู้เรียนรู้การนับคาร์บแล้ว 11,807,264 คน แบ่งเป็น    อสม. 1,072,719 คน และประชาชน 10,734,545 คน ในปี 2568 จะเดินหน้าส่งเสริมการนับคาร์บให้ถึง 50 ล้านคน ส่วนการจัดตั้ง NCDs Remission คลินิกในโรงพยาบาล 1 แห่ง/จังหวัด ดำเนินการครบทุกจังหวัดแล้ว 2) การทบทวนปรับปรุงประกาศกฎหมายลำดับรองภายใต้ พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ พ.ศ. 2562 เพื่อรองรับระบบสุขภาพปฐมภูมิที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งการเป็นชุมชนเมืองมากขึ้น ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ การถ่ายโอน รพ.สต.ให้กับ อปท. โดยช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2568 คณะอนุกรรมการคณะต่างๆ จะจัดทำร่างประกาศปรับปรุงแก้ไข ส่งให้คณะอนุกรรมการกฎหมายพิจารณา และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการระบบสุขภาพปฐมภูมิ เพื่อเสนอเป็นร่างประกาศให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนาม และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้ต่อไป +และ 3) โครงการกระทรวงสาธารณสุขมอบของขวัญ พ.ศ. 2568 ในวันเด็กแห่งชาติ 11 มกราคม 2568 นี้  จะเปิดงานวันเด็กและมอบของขวัญเพื่อผู้ป่วยเด็กด้วยการรักษาเทคโนโลยีขั้นสูง ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี โดยสนับสนุนการผ่าตัดและการสวนหัวใจรักษาโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดที่ซับซ้อนให้เด็กแรกเกิดถึงอายุ 18 ปี ส่วนวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันที่ 13 เมษายนของทุกปี ได้จัดทำโครงการคนไทยสายตาดี ให้บริการผ่าตัดต้อกระจก 73,000 ดวงตา และปลูกถ่ายกระจกตา 1,500 ดวง ภายในเดือนเมษายน 2568 และผ่าตัดต้อกระจก 150,000 ดวงตา ภายในเดือนกันยายน 2568 และโครงการรอยยิ้มใหม่ผู้สูงวัยปี 2568 ให้ผู้สูงอายุและก่อนวัยสูงอายุได้รับการใส่ฟันเทียมทั้งปากหรือเกือบทั้งปาก 45,000 ราย นอกจากนี้ ยังมีของขวัญในวันสำคัญอื่นๆ ได้แก่ การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์รักษาผู้ป่วยมะเร็ง 100 ราย เนื่องในวันมะเร็งโลก 4 กุมภาพันธ์ 2568, โครงการพระสงฆ์ปลอดโรค NCDs สุขภาพดีทั่วไทย โดยถวายความรู้ด้านโภชนาการและคัดกรองสุขภาพพระสงฆ์ทั่วประเทศ จะเปิดโครงการในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี และการลดละเลิกบุหรี่ด้วยยา CYTISINE GPO สนับสนุนเข้ารับบริการเลิกบุหรี่เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม 2568 +*****************************************************8 มกราคม 2568 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92132 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _3_683ea5ff-8ddd-4b4e-85a9-ec85b9559cda.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _3_683ea5ff-8ddd-4b4e-85a9-ec85b9559cda.txt" new file mode 100644 index 000000000..2fe8a8144 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _3_683ea5ff-8ddd-4b4e-85a9-ec85b9559cda.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-"วราวุธ" เผย ผลงาน ศูนย์ช่วยกลุ่มเปราะบางพ้นภัยพิบัติ พม. จ่อขอรัฐบาลหนุนงบฯ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +"วราวุธ" เผย ผลงาน ศูนย์ช่วยกลุ่มเปราะบางพ้นภัยพิบัติ พม. จ่อขอรัฐบาลหนุนงบฯ +"วราวุธ" เผย ผลงาน ศูนย์ช่วยกลุ่มเปราะบางพ้นภัยพิบัติ พม. จ่อขอรัฐบาลหนุนงบฯ +วันที่ 8 มกราคม 2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกระทรวง พม. ประจำเดือนมกราคม 2568 ว่า กระทรวง พม. ตั้งศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ (ศบปภ.) เพื่อเตรียมแผนรองรับก่อนเกิดภัยของภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา ในเดือนตุลาคม2567 และต่อมาเมื่อเกิดอุทกภัยขึ้นตามการประเมินระหว่างเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2567 พื้นที่ภาคใต้ประสบอุทกภัยรุนแรงในหลายจังหวัดนั้น ศบปภ. ของกระทรวง พม. ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้ 1) เงินสงเคราะห์สำหรับเด็ก คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทั่วไปที่ประสบปัญหาทางสังคมและภัยพิบัติ 1,881 คน จำนวน 3,825,900 บาท ยังคงเหลืออีก 6,182 คน  จำนวน 18,546,000 บาท +2) เงินทุนประกอบอาชีพ จาก กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และกองทุนผู้สูงอายุ  213 คน จำนวน 8,326,000 บาท +3) ศูนย์พักพิงชั่วคราว  ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย 973 คน แบ่งเป็น ศูนย์พักพิงชั่วคราวของกระทรวง พม. จำนวน 669 คน และศูนย์พักพิงชั่วคราวของจังหวัด ที่กระทรวง พม. ร่วมบริหาร 304 คน +4) UNICEF (จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส) สนับสนุนอุปกรณ์ช่วยเหลือ สิ่งของจำเป็นสำหรับเด็ก เช่น นมผง ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ผ้าห่ม และชุดสุขอนามัยที่จำเป็น เช่น สบู่ ยาสีฟัน ยากันยุง รวมจำนวน 1,900 ชุด +และ 5) อาสาสมัครที่เข้ามาช่วยเหลือระหว่างเกิดภัย 2,286 คน +จากการดำเนินงานของ ศบปภ. ในช่วงเกิดภัยพิบัติที่ผ่านมาทำให้พบปัญหาเรื่องข้อจำกัดในการใช้งบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณสำหรับการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในระหว่างเกิดภัยพิบัติ เช่น กระทรวง พม. ไม่มีงบประมาณเป็นการเฉพาะในการบริหารจัดการภัยพิบัติ ซึ่งปัจจุบันใช้งบฯปกติจากเงินสงเคราะห์ต่าง ๆ ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางไป  1,881 คน จำนวน 3,825,900 บาท ยังคงเหลือที่ต้องให้ความช่วยเหลืออีก 6,182 คน จำนวน 18,546,000 บาท +และเรื่องงบประมาณสำหรับเป็นค่าตอบแทน อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เนื่องจากกระทรวง พม. ไม่มีระเบียบและงบประมาณในการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ อพม. ที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในระหว่างเกิดภัยพิบัติ 2,286 ราย +รวมถึงเรื่องงบประมาณสำหรับจัดหาสิ่งของช่วยเหลือ เช่น นมผงเด็ก ผ้าอ้อมสำเร็จรูป เนื่องจากกระทรวง พม. ไม่มีงบประมาณเพื่อการนี้ จำเป็นต้องขอรับบริจาคจากภาคีเครือข่าย +นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการฟื้นฟูอาชีพระยะหลังเกิดภัยพิบัติ โดยกระทรวง พม. ใช้งบประมาณจากกองทุนต่าง ๆ เพื่อให้การกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพแก่กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 92 คน จำนวน 4,696,000 บาท และ กองทุนผู้สูงอายุ 121 คน จำนวน  3,630,000 บาท +ศบปภ. จึงได้จัดทำข้อเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (คอส.) จำนวน 2 ด้าน ได้แก่ 1.ด้านการให้ความช่วยเหลือ โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินสงเคราะห์ ในปีงบประมาณ 2568 เพิ่มเติม หรือขอรับจัดสรรงบกลาง จำนวน 22,371,900 บาท เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ และขอความเห็นชอบการจ่ายค่าตอบแทน อพม. ที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางระหว่างภัยพิบัติ +2.ด้านการฟื้นฟู โดยขอเพิ่มแนวทางการใช้งบทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง จำนวน 10 ล้านบาท สำหรับใช้จัดหาสิ่งของเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางระหว่างประสบภัยพิบัติ เช่น นมผงเด็ก ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมสำเร็จรูป อาหารเสริม อาหารสำเร็จรูปและยังได้จัดทำข้อเสนอต่อกระทรวง พม. โดยขอให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) และกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) พิจารณาจัดลำดับความสำคัญการกู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ โดยพิจารณาให้ผู้ประสบปัญหาทางสังคม และได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติเป็นลำดับแรก +#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5x5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #น้ำท่วมภาคใต้ #น้ำท่วม #ภาคใต้ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92141 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _4_4c56adf5-e12b-499e-bf05-870b49fd5bcc.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _4_4c56adf5-e12b-499e-bf05-870b49fd5bcc.txt" new file mode 100644 index 000000000..9a9c8cea4 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _4_4c56adf5-e12b-499e-bf05-870b49fd5bcc.txt" @@ -0,0 +1,26 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-"วราวุธ" ชี้ ผลปฏิบัติงานรอบ1ปี ศรส. ช่วยแก้ปัญหาสังคม กว่า 1.88 แสนกรณี พบ ความรุนแรงทั้ง ใน-นอก ครอบครัว วอน ช่วยกันเฝ้าระวัง หวั่น ซ้ำคดีดัง แบงค์ เลสเตอร์ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +"วราวุธ" ชี้ ผลปฏิบัติงานรอบ1ปี ศรส. ช่วยแก้ปัญหาสังคม กว่า 1.88 แสนกรณี พบ ความรุนแรงทั้ง ใน-นอก ครอบครัว วอน ช่วยกันเฝ้าระวัง หวั่น ซ้ำคดีดัง แบงค์ เลสเตอร์ +"วราวุธ" ชี้ ผลปฏิบัติงานรอบ1ปี ศรส. ช่วยแก้ปัญหาสังคม กว่า 1.88 แสนกรณี พบ ความรุนแรงทั้ง ใน-นอก ครอบครัว วอน ช่วยกันเฝ้าระวัง หวั่น ซ้ำคดีดัง แบงค์ เลสเตอร์-ผู้สูงอายุถูกล่วงละเมิด +วันที่ 8 มกราคม 2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมกระทรวง พม. ประจำเดือนมกราคม 2568 ว่า วันนี้ มีการนำเสนอผลการดำเนินงานของศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ในรอบ 1 ปี (มกราคม - ธันวาคม 2567) พบว่า มีประชาชนขอความช่วยเหลือมาที่ศรส. ทั้งหมด 188,625 กรณี โดยผ่านช่องทางการให้บริการสูงสุดคือสายด่วน 1300 จำนวน 171,204 กรณี , รองลงมา คือ สื่อสังคมออนไลน์ จำนวน 14,855 กรณี , ขอรับบริการด้วยตนเอง 1,466 กรณี  , เป็นข่าวทางศูนย์ปฏิบัติการ พม. 1,081 กรณี , ผ่านกองตรวจราชการ 19 กรณี +พื้นที่ให้บริการ มากที่สุดคือ กรุงเทพมหานคร  119,107 กรณี รองลงมา คือ ภาคกลาง 22,499 กรณี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 18,101 ภาคใต้ 12,842 ปริมณฑล 10,914 ภาคเหนือ 5,162 +กลุ่มผู้ประสบปัญหาสูงที่สุด คือ วัยทำงาน 97,455 ราย รองลงมา คือ กลุ่มคนพิการ 33,051 ราย ผู้สูงอายุ 31,306 ราย เด็ก 23,337 ราย เยาวชน 3,476 ราย +ศรส. ได้ดำเนินการช่วยเหลือ 163,556 กรณี แบ่งเป็น 1. ช่วยเหลือและคุ้มครองสวัสดิภาพ 31,619 กรณี ได้แก่ 1.1 พื้นที่กรุงเทพมหานคร 9,210 กรณี ซึ่งปัญหาที่มากอันดับหนึ่ง คือ รายได้ความเป็นอยู่ 3,621 กรณี รองลงมา คือ คนไร้ที่พึ่งและขอทาน 2,825 กรณี +1.2 ปริมณฑล 3,960 กรณี ซึ่งปัญหาที่มากอันดับหนึ่ง คือ รายได้ความเป็นอยู่ 1,993 กรณี รองลงมา คือ ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว จำนวน 617 กรณี และคนไร้ที่พึ่งและขอทาน 608 กรณี +1.3 ส่วนภูมิภาค  จำนวน 18,449 กรณี ซึ่งปัญหาที่มากอันดับหนึ่ง คือ รายได้ความเป็นอยู่ 11,329 กรณี รองลงมา คือ ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว 1,847 กรณี และความรุนแรง 1,707 กรณี +2. การให้คำปรึกษา จำนวน 69,791 กรณี โดยประเด็นสูงสุด คือ ปัญหาสิทธิสวัสดิการ จำนวน 32,256 กรณี รองลงมา คือ ปัญหาที่เป็นปรากฏการณ์ทางสังคมฯ (สอบถามโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital wallet) จำนวน 16,538 กรณี ปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัว จำนวน 7,470 กรณี และปัญหารายได้และความเป็นอยู่ จำนวน 7,159 กรณี ปัญหาเรื่องสุขภาพและอุบัติเหตุจำนวน 2,552 กรณี +นอกจากนี้ มีการให้ข้อมูลทั่วไป จำนวน 34,345 กรณี และการให้ข้อมูลการติดตามปัญหาเดิม จำนวน 27,801 กรณี อีกทั้ง มีการให้ความช่วยเหลืออื่น ๆ จำนวน 25,069 กรณี โดยเป็นการโทรก่อกวน 20,092 กรณี โทรผิด 4,633 กรณี เสนอความคิดเห็น 160 กรณี และอื่นๆอีก 184 กรณี +ในส่วนของประเด็นความรุนแรง ในรอบ 1 ปี (มกราคม - ธันวาคม 2567) มีผู้ประสบปัญหาความรุนแรง จำนวน 4,712 ราย เป็นเพศหญิง  3,448 ราย เพศชาย 1,264 ราย แบ่งเป็น กลุ่มเด็ก 2,461 ราย กลุ่มผู้ใหญ่ 1,357 ราย กลุ่มผู้สูงอายุ 354 ราย กลุ่มเยาวชน 277 ราย และกลุ่มคนพิการ 263 ราย +ซึ่งพื้นที่รับแจ้งเหตุความรุนแรงมากที่สุด คือกรุงเทพมหานคร 1,482 ราย รองลงมาคือ จังหวัดนนทบุรี 176 ราย จังหวัดชลบุรี 174 ราย จังหวัดอุดรธานี 151 ราย และจังหวัดปทุมธานี 131 ราย โดยเป็น ความรุนแรงในครอบครัว 3,376 รายและภายนอกครอบครัว 1,336 ราย +สำหรับความรุนแรงภายในครอบครัว พบว่า กลุ่มเด็ก เป็นผู้ประสบปัญหามากที่สุด 1,429 ราย โดยถูกทำร้ายร่างกาย, ถูก ล่วงละเมิดทางเพศ, ถูกกระทำอนาจาร, ทารกถูกทอดทิ้ง รองลงมาคือ กลุ่มผู้ใหญ่ 1,220 ราย โดยถูกทำร้ายร่างกาย, ถูกกระทำอนาจาร, ถูกล่วงละเมิดทางเพศ +ส่วนความรุนแรงนอกครอบครัว พบว่า กลุ่มเด็กเป็นผู้ประสบปัญหามากที่สุด 1,032 ราย โดยถูกล่วงละเมิดทางเพศ,ถูกทำร้ายร่างกาย, ถูกกระทำอนาจาร รองลงมาคือกลุ่มผู้ใหญ่ 137 ราย โดยถูกทำร้ายร่างกาย,ถูกล่วงละเมิดทางเพศ,ถูกกระทำอนาจาร +นายวราวุธ กล่าวว่า จากรายงานของ ศรส. ในรอบ 1 ปี จะเห็นได้ว่า ปัญหารายได้ความเป็นอยู่ เป็นปัญหาที่พบมากที่สุด ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และส่วนภูมิภาค เพราะส่งผลกระทบโดยตรงกับปากท้องของพี่น้องประชาชน ดังนั้น จึงควรมีการป้องกันและแก้ไขปัญหาความยากจนซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ แต่ด้วยงบประมาณที่จำกัดของภาครัฐ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมอย่างมุ่งเป้า และมุ่งผลลัพธ์มากขึ้น ด้วยข้อมูลสารสนเทศที่แม่นยำ มุ่งเน้นดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และบูรณาการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน +เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนหุ้นส่วนทางสังคม อาทิ ภาคธุรกิจเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุนทางสังคม เช่น ศาสนสถาน (วัด โบสถ์ มัสยิด) ร่วมจัดสวัสดิการสังคม เพื่อให้ประชาชนผู้ประสบปัญหาได้รับการดูแลครอบคลุมทั่วถึงเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ภาครัฐจะต้องให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับทุกภาคส่วนด้วย +อย่างไรก็ตาม กระทรวง พม. ได้ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร ออกแบบนโยบายสวัสดิการสังคมที่เหมาะสม มุ่งเป้า มุ่งผลลัพธ์ เพื่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่กรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน เนื่องจากโครงสร้างของกระทรวง พม. ไม่มีหน่วยบริการประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นข้อจำกัดในทางปฏิบัติสำหรับการจัดสวัสดิการสังคมอย่างมีประสิทธิภาพ +นายวราวุธ กล่าวว่า จากรายงานประเด็นความรุนแรงในรอบ 1 ปี จะเห็นได้ว่า มีผู้ประสบปัญหาความรุนแรงมากถึง 4,712 ราย และเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนทุกเพศ ทุกกลุ่มคน ดังนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันเฝ้าระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรงซ้ำขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงในครอบครัวหรือนอกครอบครัว ย่อมส่งผลเสียทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะจะเป็นบาดแผลลึกในใจตลอดไป อย่างกรณีการเสียชีวิตของแบงค์ เลสเตอร์ ซึ่งเป็นคนพิการด้านสติปัญญาที่เป็นเหยื่อจากการทำคอนเทนต์ที่แฝงความรุนแรงออกสื่อโซเชียลมีเดีย และกรณีที่มีข่าวผู้สูงอายุถูกล่วงละเมิดทางเพศ +หากประชาชนพบเห็นผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนทางสังคม หรือถูกกระทำความรุนแรง สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ผ่านสายด่วน พม. โทร.  1300 บริการฟรี 24 ชั่วโมง +#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5x5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92143 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _5_96d42f76-9dab-488f-aeb2-68e8faeb8d1b.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _5_96d42f76-9dab-488f-aeb2-68e8faeb8d1b.txt" new file mode 100644 index 000000000..9b2379611 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _5_96d42f76-9dab-488f-aeb2-68e8faeb8d1b.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“วราวุธ” ลั่น พม. ลุย ขับเคลื่อน พันธกรณีระหว่างประเทศ หวัง คุ้มครองสิทธิเด็ก สตรี คนพิการ ความเท่าเทียมทางเพศ ผู้สูงอายุ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +“วราวุธ” ลั่น พม. ลุย ขับเคลื่อน พันธกรณีระหว่างประเทศ หวัง คุ้มครองสิทธิเด็ก สตรี คนพิการ ความเท่าเทียมทางเพศ ผู้สูงอายุ +“วราวุธ” ลั่น พม. ลุย ขับเคลื่อน พันธกรณีระหว่างประเทศ หวัง คุ้มครองสิทธิเด็ก สตรี คนพิการ ความเท่าเทียมทางเพศ ผู้สูงอายุ +วันที่ 8 มกราคม 2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  สะพานขาว กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ผู้บริหารกระทรวง พม. ประจำเดือนมกราคม 2568 ว่า หนึ่งในพันธกิจ 9 ด้าน (Flagship Projects) ที่ต่อยอดมาจากนโยบาย  5x5 ฝ่าวิกฤติประชากร ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น คือ พันธกิจที่ 6 การขับเคลื่อนพันธกรณีระหว่างประเทศที่สำคัญซึ่งกระทรวงพม. ดูแลอยู่ อาทิ การคุ้มครองสิทธิเด็กและสตรี คนพิการ ความเท่าเทียมทางเพศ การดูแลผู้สูงอายุ โดยจะมีการจัดงาน Thailand Social Expo 2025 ในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อเผยแพร่สานต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในทุกระดับ เป็นการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาสังคม โดยจะมีรัฐมนตรีจากประเทศต่างๆ คณะทูตานุทูต ผู้บริหารระดับสูงจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรเอกชน สถาบันการศึกษา ภาคประชาสังคม เข้าร่วมประชุม ในงานมีกิจกรรมหลากหลายและจะมีการเสวนา นิทรรศการที่แสดงให้เห็นถึงพลังของการดำเนินงานร่วมกัน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบาย 5 × 5 ฝ่าวิกฤติประชากร ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากภาคส่วนต่างๆรวมทั้งองค์การสหประชาชาติ(UN) +นายวราวุธ กล่าวว่า และอีกส่วนหนึ่งจะมีการดำเนินงานอย่างเข้มข้น เรื่องการยกระดับการต่อต้านการค้ามนุษย์ ด้วยมาตรการต่างๆโดยเฉพาะในส่วนของการป้องกัน เนื่องจากปัญหาการค้ามนุษย์เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในทุกมิติ , ดำเนินการขับเคลื่อนการขจัดการเลือกปฏิบัติและสร้างความเท่าเทียมทางเพศ ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ปฏิญญาปักกิ่งเพื่อความก้าวหน้าของสตรีให้เป็นที่ประจักษ์ต่อประชาคมโลก ซึ่งประเทศไทยได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากในเรื่องพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 มกราคม 2568 นี้ ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน และประเทศที่ 3 ในเอเชีย และในเดือนมีนาคม 2568 ประเทศไทยโดยตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะได้ไปรายงานต่อที่ประชุมองค์การสหประชาชาติทราบ และร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของปฏิญญาปักกิ่ง ที่สำนักงานใหญ่ UN นครนิวยอร์ก +นายวราวุธ กล่าวว่า ด้านความร่วมมือในอาเซียนนั้นจะมีการจัดทำเอ็มโอยูกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงของเด็กที่จะถูกแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ เช่น ขอทาน การถูก ล่อลวงไปมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรม นอกจากนี้จะมีการใช้ศูนย์ฝึกอบรมอาเซียนด้านสังคมสงเคราะห์และสวัสดิการสังคม (ATCSW) ซึ่งก่อตั้งขึ้นตามข้อเสนอของประเทศไทยเมื่อครั้งเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 เพื่อการเสริมสร้างขีดความสามารถและศักยภาพของบุคลากรของเยาวชนอาเซียนอย่างเป็นระบบ +#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5x5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #FlagshipProjects #ThailandSocialExpo2025 #พัฒนาสังคม #เวทีโลก #UN #สหประชาชาติ #นครนิวยอร์ก + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92144 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _6_f1283ea2-b988-4b75-aced-e1c9263ecf19.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _6_f1283ea2-b988-4b75-aced-e1c9263ecf19.txt" new file mode 100644 index 000000000..0d7111008 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _6_f1283ea2-b988-4b75-aced-e1c9263ecf19.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“ศุภมาส" จัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ชูคำขวัญ "มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน" จัดยิ่งใหญ่ 3 แห่งพร้อมกัน + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +“ศุภมาส" จัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ชูคำขวัญ "มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน" จัดยิ่งใหญ่ 3 แห่งพร้อมกัน +เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2568 น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวการจัดงาน "อว. For Kids" วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว. (โยธี) +เมื่อวันที่ 8 ม.ค. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) แถลงข่าวการจัดงาน "อว. For Kids" วันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 โดยมีนายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวง อว.  พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว.  นางสาวสุณีย์ เลิศเพียรธรรม  หัวหน้าผู้ราชการกระทรวง อว. รักษาการราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นางสาววราภรณ์ รุ่งตระการ ที่ปรึกษาด้านระบบบริหารการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิ จัยและนวัตกรรม รักษาการราชการแทนรองปลัดกระทรวง อว. นายวันนี นนท์ศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวง อว. และผู้บริหารกระทรวง อว. เข้าร่วมที่ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารพระจอมเกล้า สป.อว. (โยธี) +น.ส.ศุภมาส กล่าววว่า หัวใจสำคัญของการจัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในปีนี้ กระทรวง อว. อยากชวนน้อง ๆ มาเปิดโลกการเรียนรู้ ก้าวสู่อนาคตด้วยกัน เพื่อให้สอดคล้องกับคำขวัญที่ว่า “ทุกโอกาสคือการเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” ที่นายกรัฐมนตรีมอบไว้ให้กับเด็กไทยทั่วประเทศในวันเด็กปีนี้ เพราะเด็กทุกคนล้วนมีความคิด มีจินตนาการ มีความอยากเรียนรู้และควรได้มีโอกาสเลือกในสิ่งที่อยากเป็น ตนจึงมองว่า การสนับสนุนให้น้อง ๆ ได้เรียนรู้ ปลูกฝังให้มีความรักในวิทยาศาสตร์จะเป็นบันไดสำคัญที่จะช่วยให้น้อง ๆ เด็กและเยาวชนทุกคน สามารถปรับตัวก้าวสูโลกแห่งอนาคตได้ +รมว.อว. กล่าวต่อว่า กระทรวง อว. ได้เตรียมกิจกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เน้นให้น้อง ๆ ได้มีส่วนร่วม ได้คิด ได้ลงมือทำ ได้ทดลอง ได้ประดิษฐ์คิดค้นและหาคำตอบด้วยตนเอง ซึ่งวันเด็กปีนี้พิเศษกว่าปีอื่น ๆ เพราะได้มีการจัดงานพร้อมกันถึง 3 แห่ง โดยแห่งแรกวันที่ 10 - 11 มกราคม จัดที่กระทรวง อว. ถนนโยธี แห่งที่สองวันที่ 11 มกราคม ที่ศูนย์การค้าเดอะ สตรีท รัชดากรุงเทพฯ และแห่งที่สามวันที่ 11 มกราคม ที่องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) คลองห้า ปทุมธานี นอกจากนี้ ในต่างจังหวัดทั่วประเทศก็จะมีสถาบันอุดมศึกษาและหน่วยงานในกระทรวง อว. ร่วมกันจัดงานวันเด็กอีกหลายพื้นที่ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า กระทรวง อว. จัดเต็มทั้งความสนุกด้านวิทยาศาสตร์พร้อมกับของรางวัล รวมแล้วกว่า 50,000 ชิ้น เพื่อมอบความสุขความสนุกสนานควบคู่ไปกับสาระความรู้ให้กับน้อง ๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ +สำหรับการจัดงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ที่กระทรวง อว. ถนนโยธีมีหน่วยงานมาร่วมจัดกิจกรรมมากถึง 22 หน่วยงาน เต็มพื้นที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 ไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้ น้อง ๆ จะได้พบขบวนพาเหรดทุ่นยนต์หลายสิบตัว เช่น หุ่นยนต์กู้ภัยแชมป์โลก 10 สมัย หุ่นยนต์น้องดาวเหนือ หุ่นยนต์กู้ภัยจิ๋ว หุ่นยนต์ MAKEX หุ่นยนต์เหล่านี้จะมาเล่นกับน้อง ๆ ช่วยสร้างจินตนาการ ยังมีการวิเคราะห์ลายนิ้วมือเพื่อค้นหาศักยภาพการทำงานของสมองทั้ง 2 ซีก ตามหลักการทางพันธุกรรมศาสตร์ ที่จะช่วยประเมินความถนัดของน้อง ๆ แต่ละคนได้อย่างแม่นยำ ส่วนน้อง ๆ ที่อยากท่องอวกาศ เรามีสถานีจำลองให้น้อง ๆ ได้ลองต่อโมเดลดาวเทียมไทยโชต และดาวเทียมธีออส เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ รวมไปถึงกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญ ตนจะเปิดห้องทำงานของดิฉันเพื่อให้น้อง ๆ และผู้ปกครองได้เข้าไปถ่ายรูปกับโต๊ะทำงานของรัฐมนตรีเพื่อเปิดพื้นที่ให้กับความฝันของเด็ก ๆ ที่อยากจะเติบโตขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีหรือสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาอยากเป็นหนึ่งในผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทยของเราทั้ง 2 วันคือวันที่ 10 และ 11 มกราคม 2568    นอกจากนี้ กระทรวง อว.ยังเตรียมตู้คืบของขวัญมหัศจรรย์พร้อมของขวัญและของรางวัลมากมายรอให้น้อง ๆ มาร่วมสนุกกันในงาน โดยมีภาคเอกชน ผู้ใหญ่ใจดี หลายบริษัทที่มาช่วยเติมเต็ม และสร้างสรรค์จินตนาการให้กับน้อง ๆ เช่น พี่ ๆ จากบริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งฯ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่นฯ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์บริษัท ศรีนานาพรฯ บริษัท โมชิ โมชิ ที่ได้สนับสนุนขนม น้ำดื่ม และมอบรางวัลและให้กับน้อง ๆ รวมกันกว่า 50,000 ชิ้น เรียกว่ามางาน "อว. For Kids" ในปีนี้ น้อง ๆ ที่มาเที่ยวงานจะได้ทั้งอาหารสมองและได้ของขวัญ ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันทุกคน +"สุดท้ายนี้ ตนในฐานะที่เป็นทั้งรัฐมนตรีและเป็นคุณแม่อยากจะสร้างความทรงจำที่มีคุณค่า ช่วยแต่งเติมภาพแห่งความสุขในวัยเยาว์ผ่านงานวันเด็ก และพร้อมเป็นแรงสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนทุกคนเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีอนาคตที่ดี ขณะเดียวกัน ก็จะนำทุกหน่วยงานในสังกัดร่วมสนับสนุนการพัฒนาเด็กไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ ปลูกจิตสำนึกให้รักในวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมให้เป็นคนช่างคิด ใฝ่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา มีความคิดสร้างสรรค์ มีวินัย ใส่ใจต่อการเปลี่ยนแปล่ง และพร้อมปรับตัวสู่โลกในอนาคต อย่าพลาดนะคะขอเชิญชวนผู้ปกครองพาลูก จูงหลาน มาสนุกกับงานยิ่งใหญ่แห่งปีกับงาน “อว. For Kids” รับวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2568 ณ บริเวณลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 และในพื้นที่อื่นๆ ของกระทรวง อว. ใกล้ที่ไหนไปที่นั่นขอรับรองว่าน้องๆ จะสนุกและได้รับความทรงจำที่ดี กลับบ้านแน่นอน แล้วพบกันนะคะ” น.ส.ศุภมาส กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92145 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _7_809a3503-5c08-4e6a-aa60-057feb856082.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _7_809a3503-5c08-4e6a-aa60-057feb856082.txt" new file mode 100644 index 000000000..e31ff8638 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _7_809a3503-5c08-4e6a-aa60-057feb856082.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปลัดดีอี เป็นประธานในงานเปิดตัวศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยของบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย) + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +ปลัดดีอี เป็นประธานในงานเปิดตัวศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยของบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย) +ปลัดดีอี เป็นประธานในงานเปิดตัวศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยของบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย) +ปลัดดีอี เป็นประธานในงานเปิดตัวศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยของบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส(ประเทศไทย) +เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่เศรษฐกิจ +และสังคม เป็นประธานในงานเปิดตัวศูนย์ข้อมูลในประเทศไทยของบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส +(ประเทศไทย) ณ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เขตห้วยขวาง + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92151 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _8_9230e2f5-8da3-4eae-81a0-842d6134a1ec.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _8_9230e2f5-8da3-4eae-81a0-842d6134a1ec.txt" new file mode 100644 index 000000000..a08f70733 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\270\252\340\270\261\340\270\207\340\270\204\340\270\241 _8_9230e2f5-8da3-4eae-81a0-842d6134a1ec.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ดีอี ประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด Top Executives + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +ดีอี ประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด Top Executives +ดีอี ประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด Top Executives +ดีอี ประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด Top Executives +. +เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รอง นรม./รมว.ดศ. เป็นประธานการประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด Top Executives ครั้งที่ 1/2568 ณ ห้องประชุม MDES 1 ชั้น 9 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92153 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _1_75e0a1ea-62ea-45a5-87fc-e91537d130b5.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _1_75e0a1ea-62ea-45a5-87fc-e91537d130b5.txt" new file mode 100644 index 000000000..0e1eb89c8 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _1_75e0a1ea-62ea-45a5-87fc-e91537d130b5.txt" @@ -0,0 +1,9 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กรมการขนส่งทางบก เผยภาพรวม 10 วัน ของการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตรวจรถโดยสารสาธารณะ ณ จุดจอด/จุดตรวจ ทั่วประเทศ แล้วกว่า 150,000 คัน + + +วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 +กรมการขนส่งทางบก เผยภาพรวม 10 วัน ของการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ตรวจรถโดยสารสาธารณะ ณ จุดจอด/จุดตรวจ ทั่วประเทศ แล้วกว่า 150,000 คัน +..... +นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยตรวจความพร้อมรถโดยสารสาธารณะและพนักงานขับรถ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสาร จุดจอด และจุด Checking Point  ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 5 มกราคม 2568 เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 และได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการขนส่ง ผู้ให้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่ง ตรวจความพร้อมของรถและความพร้อมของผู้ขับรถก่อนออกเดินทาง ตามแบบ Checklist เช่น การมีใบอนุญาตขับรถที่ถูกต้อง ตรวจความพร้อมด้านร่างกาย การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในลมหายใจ ชั่วโมงการขับรถไม่เกินที่กฎหมายกำหนด รถโดยสารสาธารณะทุกคันต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรงทั้งสภาพตัวรถภายนอกและภายใน อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่าง ๆ ต้องพร้อมใช้งานอยู่เสมอ จัดเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำและให้ความรู้แก่ผู้โดยสารกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และขอให้ผู้โดยสารทุกที่นั่งคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทาง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ สำหรับผลดำเนินการตรวจความพร้อม   รถโดยสารสาธารณะตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 5 มกราคม 2568 ตรวจแล้ว 150,721 คัน พบรถบกพร่อง 5 คัน อุปกรณ์ส่วนควบไม่มั่นคงแข็งแรง หรือมีอุปกรณ์ภายในรถชำรุด และพบพนักงานขับรถบกพร่อง 4 คน โดยทุกกรณีได้ดำเนินการเปลี่ยนรถโดยสารและพนักงานขับรถก่อนให้บริการเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ ผลการดำเนินการติดตามตรวจสอบการเดินรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกด้วยระบบ GPS Tracking ผ่านศูนย์บริหารจัดการเดินรถด้วยระบบ GPS 539,362 คัน พบการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด 1,817 คัน ผลตรวจสอบการใช้ความเร็วรถโดยสารและรถบรรทุกด้วยกล้องเลเซอร์ บนถนนสายหลักและสายรอง 22,644 คันพบการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด 156 คัน ประสานผู้ประกอบการขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อระงับการใช้ความเร็ว ควบคู่กับมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับการร้องเรียนเกี่ยวกับรถโดยสารสาธารณะผ่านศูนย์ 1584 ได้รับเรื่องร้องเรียน 524 เรื่อง โดยเรื่องที่มีการร้องเรียนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ขับรถประมาท/น่าหวาดเสียว ไม่หยุดรับส่งผู้โดยสารที่ป้ายหยุดรถ และประจำรถแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ/แต่งกายไม่เรียบร้อย ดำเนินการติดตามผู้กระทำผิดมาสอบสวนและดำเนินการลงโทษตามกฎหมายต่อไป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92110 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _2_fe80effc-1f99-40c6-9b0e-b177d4719a6d.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _2_fe80effc-1f99-40c6-9b0e-b177d4719a6d.txt" new file mode 100644 index 000000000..1d12474c3 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _2_fe80effc-1f99-40c6-9b0e-b177d4719a6d.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ให้อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ และผู้บริหารสถาบันเครือข่ายเข้าพบ + + +วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 +07/01/2568 +พิมพ์ +​รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ให้อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ และผู้บริหารสถาบันเครือข่ายเข้าพบ +​รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ให้อุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ และผู้บริหารสถาบันเครือข่ายเข้าพบ +วันที่ 6 มกราคม 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้นางเบญจมาพร เอกฉัตร์ ผู้อำนวยการอุตสาหกรรมพัฒนามูลนิธิ และผู้บริหารสถาบันเครือข่ายเข้าพบ เพื่อสวัสดีปีใหม่ 2568 พร้อมรับมอบคำอวยพร เพื่อเป็นกำลังใจและสิริมงคลในการทำงาน ณ ห้องรับรอง 1 กระทรวงอุตสาหกรรม + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92112 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _3_505571b3-a21f-458c-bd6b-ea3986670803.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _3_505571b3-a21f-458c-bd6b-ea3986670803.txt" new file mode 100644 index 000000000..614b4806a --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _3_505571b3-a21f-458c-bd6b-ea3986670803.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“รมว.นฤมล”ชวน ผู้ปกครองพาบุตรหลานเที่ยวงาน + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +“รมว.นฤมล”ชวน ผู้ปกครองพาบุตรหลานเที่ยวงาน +“รมว.นฤมล”ชวน ผู้ปกครองพาบุตรหลานเที่ยวงาน "วันเด็กแห่งชาติ" เสาร์ 11 ม.ค.นี้ เผย ก.เกษตรฯ จัดเต็ม พร้อมมอบความสุข ชิงของขวัญและของที่ระลึกมากมาย +ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 กระทรวงเกษตรฯ เล็งเห็นความสำคัญของเด็กและเยาวชนที่เป็นทรัพยากร ที่มีคุณค่าของประเทศ และเป็นกำลังสำคัญของสังคมในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งเด็กและเยาวชน ควรได้รับการปลูกฝังและส่งเสริมคุณธรรม ภาวะผู้นำ กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง เรียนรู้และเคารพกฎกติกา และระเบียบในการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข +ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดงานวันเด็กปี 2568 นี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับเด็กและเยาวชน ซึ่งภายในงานน้อง ๆ จะได้พบกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ร่วมสนุกกับเกมตอบปัญหาความรู้รอบตัว และกิจกรรมชิงของรางวัลภายในงาน อย่าง กิจกรรมตักไข่หรรษา สอยดาว เพื่อชิงของขวัญและของที่ระลึกมากมาย มาให้เด็กๆได้เข้าร่วมอย่างสนุกสนาน และได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมให้ความรู้ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ +“ดิฉันขอเป็นตัวแทน ท่านอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์,ท่านอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานมาร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ได้ในงานวันเด็กแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคมนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 15.00 น. ณ บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ ฟรี ! ตลอดทั้งวัน“ +ทั้งนี้ กิจกรรมวันเด็กของกระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้มีเพียงแค่ในพื้นที่ กทม.เท่านั้น แต่หลาย ๆ จังหวัดก็ให้ความสำคัญกับเด็ก ๆ เช่นกัน อาทิ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ ที่จังหวัดปทุมธานี ก็มีการจัดกิจกรรม“เมล็ดพันธุ์ของพระราชา” ระหว่าง 11-12 มกราคมนี้ ตั้งแต่ 08.00-15.00 น.โดยจะมีกิจกรรม Walk-Rally เปิดฐานการเรียนรู้กว่า 20 ฐาน ให้เด็กๆ ได้ร่วมสนุก ลุ้นรับของรางวัลมากมายตลอดทั้งวัน อิ่มอร่อย กับอาหาร และเครื่องดื่ม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังมีเครือข่ายพิพิธภัณฑ์เกษตรฯ 100 ร้านค้า ที่จะนำผลผลิต สินค้า แปรรูปต่างๆ มาให้ ชม ช้อป + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92116 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _4_1d4df46f-2e59-4de2-9260-ba8d4f8ee7da.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _4_1d4df46f-2e59-4de2-9260-ba8d4f8ee7da.txt" new file mode 100644 index 000000000..05559bbff --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _4_1d4df46f-2e59-4de2-9260-ba8d4f8ee7da.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-กรมทางหลวงชนบท ชวนเยือนถิ่นอันดามัน ถ่ายภาพเช็กอินบน “สะพานปากเมง” สัมผัสหาดทรายขาว น้ำทะเลสีมรกต พร้อมท่องเที่ยวลอดอุโมงค์ต้นสน แวะชมพะยูนในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +กรมทางหลวงชนบท ชวนเยือนถิ่นอันดามัน ถ่ายภาพเช็กอินบน “สะพานปากเมง” สัมผัสหาดทรายขาว น้ำทะเลสีมรกต พร้อมท่องเที่ยวลอดอุโมงค์ต้นสน แวะชมพะยูนในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม +.... +กรมทางหลวงชนบท (ทช.) กระทรวงคมนาคม เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวล่องใต้ เยือนถิ่นอันดามัน สัมผัสลมทะเล แวะเช็กอินถ่ายภาพกับแลนด์มาร์กแห่งเมืองตรังอย่างเขาเมงบน “สะพานปากเมง” พร้อมเดิน วิ่ง ปั่น นั่งรถ ลอดอุโมงค์ต้นสน ความยาวกว่า 5 กิโลเมตร เส้นทางเชื่อมไปยังอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม แหล่งหญ้าทะเล อาหารของฝูงพะยูนขนาดใหญ่ของไทย +นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า จังหวัดตรัง เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย ทั้งเชิงประวัติศาสตร์และธรรมชาติ อาทิ หาดปากเมง หาดที่มีแลนด์มาร์กสำคัญคือ เขาเมง โขดหินใหญ่กลางน้ำรูปร่างคล้ายคนนอนหงาย โดยประชาชนสามารถถ่ายภาพเช็กอินได้จากบน “สะพานปากเมง” จะได้ภาพที่เห็นทั้งชายหาดและเขาเมงได้ในเวลาเดียวกัน หรือจะลงไปเดินสัมผัสทรายทะเล ชมพระอาทิตย์ตกดินในช่วงเย็น นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากสะพานปากเมงเชื่อมไปยังอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตลอดสองข้างทางจะถูกเรียงรายไปด้วยต้นสนมากมายจนนับไม่ถ้วน ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังลอดอุโมงค์ต้นสนอันสุดแสนร่มรื่น ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเช็กอินที่ไม่ควรพลาด จากนั้นเดินทางต่อไปตามทางจะผ่านหาดฉางหลาง เป็นอีกจุดที่สามารถแวะพักผ่อนและชื่นชมทัศนียภาพ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการพะยูน และอาจจะพบพะยูนตัวเป็น ๆ ได้ หรือไปเยี่ยมชมพะยูนได้ที่เกาะลิบงเ ทั้งนี้ ประชาชนและนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือจากท่าเทียบเรือปากเมงไปยังเกาะมุกได้ โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที ซึ่งเกาะดังกล่าวเป็นสถานที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดอีกแห่งหนึ่งคือ ถ้ำมรกต สัมผัสถึงความสวยงามของน้ำทะเลสีมรกต และดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ที่สำคัญจะได้สัมผัสถึงความสนุก ความตื่นเต้นในการเดินทางเข้าไปในถ้ำที่จะต้องอาศัยการเกาะกันเป็นแถวเหมาะแก่การไปเป็นหมู่คณะ +สำหรับการเดินทางมายังจุดเช็กอิน “สะพานปางเมง” เมื่อออกจากตัวเมืองตรัง มุ่งหน้าไปทางหาดปากเมง อำเภอสิเกา ประมาณ 37 กิโลเมตร โดยใช้ ทล.4046 และ ทล.4162 จนถึงสามแยกหาดปากเมงแล้วเลี้ยวซ้ายไปยังถนนสาย ตง.4008 เดินทางไปอีก 3.7 กิโลเมตร จะถึงจุดหมายปลายทาง อย่างไรก็ตาม ทช. ขอให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวขับขี่ยานพาหนะด้วยความปลอดภัย และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อได้ที่แขวงทางหลวงชนบทตรัง โทร. 0 7558 2314 หรือสายด่วน ทช. โทร. 1146 + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92118 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _5_b02129a7-eebf-4f96-a62b-a68c55ba7aca.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _5_b02129a7-eebf-4f96-a62b-a68c55ba7aca.txt" new file mode 100644 index 000000000..8ee15d4c6 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _5_b02129a7-eebf-4f96-a62b-a68c55ba7aca.txt" @@ -0,0 +1,29 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติไตรมาสที่ 3 ปี 2567 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติไตรมาสที่ 3 ปี 2567 +ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศจำนวน 3,756 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 และมีมูลค่า 18,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 โดยคิดเป็นพื้นที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดรวม 165,367 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 +ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) รายงาน “สถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567”  พบว่า ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศจำนวน 3,756 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 และมีมูลค่า 18,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 โดยคิดเป็นพื้นที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดรวม 165,367 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่สัดส่วนของจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในภาพรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0 และ 23.4 ตามลำดับ โดยปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีสัดส่วนจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดอยู่ที่ร้อยละ 11.6 และร้อยละ 21.1 ตามลำดับ +จำนวนหน่วย มูลค่า และพื้นที่ห้องชุดที่โอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติ +ภาพรวมสถานการณ์การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศไตรมาสที่ 3 ปี 2567 พบว่า จำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมี 3,756 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวน 18,571 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่พื้นที่โอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติทั่วประเทศมีจำนวนรวม 165,367 ตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) +สัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติ +ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 มีสัดส่วนจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติ ร้อยละ 12.0 โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 11.6 และมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติ มีสัดส่วนร้อยละ 23.4 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 21.1 ส่วนพื้นที่ห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติมีสัดส่วนร้อยละ 15.5 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 15.2 โดยมีจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติเป็นห้องชุดใหม่ต่อห้องชุดมือสอง มีอัตราส่วนประมาณ 62 : 38 และ 69 : 31 ตามลำดับ ซึ่งพบว่าห้องชุดใหม่มีสัดส่วนจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีอัตราส่วนประมาณร้อยละ 50 : 50 ในขณะที่ห้องชุดใหม่มีสัดส่วนมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า 60 : 40 ตามลำดับ +ระดับราคาห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ +ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติมากที่สุด อยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท โดยมีการโอนจำนวน 1,882 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 50.1 ของจำนวนหน่วยทั้งหมด ซึ่งเป็นระดับราคาที่คนต่างชาติส่วนใหญ่นิยมโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุดนับมาตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน รองลงมา คือ ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท มีจำนวน 868 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.1 ระดับราคา 5.01 - 7.50 ล้านบาท มีจำนวน 486 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.9 ระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาทขึ้นไป มีจำนวน 319 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.5 และระดับราคา 7.51 – 10.00 ล้านบาท มีจำนวนน้อยที่สุด คือ 201 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.4 ตามลำดับ +ในด้านมูลค่า พบว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติมากที่สุดในระดับราคามากกว่า 10.00 ล้านบาท โดยมีมูลค่า 6,984 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.6 รองลงมา คือ ระดับราคาไม่เกิน 3.00 ล้านบาท มีมูลค่า 3,537 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.0 ระดับราคา 3.01 – 5.00 ล้านบาท มีมูลค่า 3,416 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.4 ระดับราคา 5.01 – 7.50 ล้านบาท มีมูลค่า 2,909 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.7 และระดับราคา 7.51 – 10.00 ล้านบาท มีมูลค่าน้อยที่สุด คือ 1,724 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.3 ตามลำดับ +ขนาดพื้นที่ห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ +ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ขนาดห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ คือ ขนาดพื้นที่ 31 - 60 ตารางเมตร (ประเภท 1 - 2 ห้องนอน) โดยมีจำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติ จำนวน 1,712 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45.6 รองลงมา คือ ห้องชุดขนาดพื้นที่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร (ห้องสตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอน) มีจำนวน 1,436 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.2 ถัดมา คือ ห้องชุดขนาดพื้นที่ 61 - 100 ตารางเมตร (2 - 3 ห้องนอนขึ้นไป) จำนวน 421 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 และห้องชุดขนาดพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร (3 ห้องนอนขึ้นไป) มีจำนวนน้อยที่สุด คือ 187 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.0 ตามลำดับ เมื่อพิจารณาย้อนหลังไปถึงปี 2562 พบว่า ห้องชุดขนาดไม่เกิน 30 ตารางเมตร และขนาด 31 - 60 ตารางเมตร เป็นประเภทห้องชุดที่คนต่างชาตินิยมมากที่สุด โดยมีสัดส่วนจำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์รวมกันสูงกว่าร้อยละ 80 ในแต่ละไตรมาส +ขณะที่ด้านมูลค่า ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 สำหรับขนาดห้องชุดที่เป็นที่นิยมของคนต่างชาติ คือ ขนาดพื้นที่ 31 - 60 ตารางเมตร (ประเภท 1 - 2 ห้องนอน) โดยมีจำนวนหน่วยที่โอนกรรมสิทธิ์ให้คนต่างชาติ มีมูลค่า 6,854 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.9 รองลงมา คือ พื้นที่ห้องชุดขนาดพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร (3 ห้องนอนขึ้นไป) มูลค่า 4,318 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 23.2 ถัดมา คือ พื้นที่ห้องชุดขนาดพื้นที่ 61 – 100 ตารางเมตร (2 - 3 ห้องนอน ขึ้นไป) มีมูลค่า 3,935 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.2 และห้องชุดขนาดพื้นที่ไม่เกิน 30 ตารางเมตร (สตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอน) มีจำนวนมูลค่าน้อยที่สุด คือ มูลค่า 3,464 ล้านบาท  คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 18.7 ตามลำดับ และหากนับตั้งแต่ปี 2562 พบว่า ห้องชุดขนาด 31 - 60 ตารางเมตร เป็นประเภทห้องชุดที่คนต่างชาตินิยมมากที่สุด +การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า มีจำนวน 11,036 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 โดยมีมูลค่า 51,458 ล้านบาท ลดลงร้อยละ -1.5  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) นอกจากนี้ยังพบว่า สัดส่วนจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในภาพรวมทั้งหมดมีสัดส่วนร้อยละ 13.3 ลดลงเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีสัดส่วนร้อยละ 13.6 แต่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในภาพรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีสัดส่วน ร้อยละ 23.3 +ทั้งนี้ จำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติในกรุงเทพมหานครมีสัดส่วนมากเป็นอันดับ 1 โดยมีสัดส่วนร้อยละ 38.7 รองลงมาอันดับ 2 เป็นจังหวัดชลบุรี มีสัดส่วนร้อยละ 36.0 และหากนับรวมทั้ง 2 จังหวัดรวมกันมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันถึงร้อยละ 74.7 และมีมูลค่ารวมกันสูงถึงร้อยละ 80.7 ของการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติทั่วประเทศ +สัญชาติของผู้ซื้อห้องชุดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า ผู้ที่มีสัญชาติจีนยังคงเป็นกลุ่มที่มีจำนวนหน่วยและมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดต่างชาติเป็นอันดับ 1 มีสัดส่วนร้อยละ 39.7 และร้อยละ 39.3 อันดับ 2 เป็นสัญชาติพม่ามีสัดส่วนร้อยละ 9.5 และร้อยละ 10.6 และผู้ซื้ออันดับ 3 คือ สัญชาติรัสเซีย มีสัดส่วนร้อยละ 7.2 และร้อยละ 5.3 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ซื้อสัญชาติอินเดียเป็นสัญชาติที่มีทั้งมูลค่าการโอนต่อหน่วยมากที่สุดและขนาดห้องใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าการโอนต่อหน่วยเฉลี่ย 6.3 ล้านบาทต่อหน่วย และขนาดห้องเฉลี่ย 76.5 ตารางเมตร ส่วนชาวจีนซึ่งเป็นสัญชาติที่มีสัดส่วนการโอนห้องชุดมากที่สุด มีมูลค่าการโอนเฉลี่ย 4.6 ล้านบาต่อหน่วย และพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ย 39.1 ตารางเมตร +สัญชาติคนต่างชาติที่รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า ชาวจีนเป็นสัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดมากที่สุดทั่วประเทศ โดยมีการโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วทั้งหมด 4,386 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 39.7 ของหน่วยทั้งหมด และ 4 สัญชาติที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อันดับรองลงมา ได้แก่ พม่า จำนวน 1,050 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.5, รัสเซีย จำนวน 800 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 7.2, ไต้หวัน จำนวน 612 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.5 และ สหรัฐอเมริกา จำนวน 436 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.0 ตามลำดับ ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า ผู้ซื้อสัญชาติพม่ามีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นมาก จำนวน 1,050 หน่วย (ลำดับที่ 2) เพิ่มขึ้นร้อยละ 202.6 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 347 หน่วย ขณะที่มูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศให้กับคนต่างชาติในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ชาวจีน เป็นมูลค่าสูงสุด จำนวน 20,201 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 39.3 ของมูลค่าทั้งหมด ส่วน 4 สัญชาติที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์รองลงมา คือ พม่า จำนวน 5,463 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.6, ไต้หวันจำนวน 3,166 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.2, รัสเซีย จำนวน 2,750 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.3 และสหรัฐอเมริกา จำนวน 2,297 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.5 ตามลำดับ และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า สัญชาติพม่ามีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้นมาก มีมูลค่า 5,463 ล้านบาท (ลำดับที่ 2) เพิ่มขึ้นร้อยละ 142.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 2,250 ล้านบาท +ขนาดและราคาเฉลี่ยของห้องชุด ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า ห้องชุดที่ชาวต่างชาติโอนกรรมสิทธิ์ มีขนาดเฉลี่ย 44.5 ตารางเมตร มูลค่าเฉลี่ย 4.7 ล้านบาทต่อหน่วย หรือประมาณตารางเมตรละ 104,890 บาท ทั้งนี้ สัญชาติ ที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์สูงสุด 10 ลำดับแรก ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า สัญชาติอินเดียมีมูลค่าการโอนต่อหน่วยและขนาดห้องใหญ่ที่สุด โดยมูลค่าการโอนต่อหน่วยเฉลี่ย 6.3 ล้านบาท และขนาดห้องเฉลี่ย 76.5 ตารางเมตร ส่วนสัญชาติจีนมีสัดส่วนการโอนห้องชุดมากที่สุด โดยมีมูลค่าการโอนเฉลี่ย 4.6 ล้านบาทต่อหน่วย และพื้นที่ห้องชุดเฉลี่ย 39.1 ตารางเมตร +จังหวัดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติสูงสุด +ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) พบว่า จังหวัดที่มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, ภูเก็ต, เชียงใหม่ และสมุทรปราการ ตามลำดับ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพมหานคร มีจำนวน 4,269 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 38.7 และชลบุรี จำนวน 3,976 หน่วย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.0 ตามลำดับ โดยทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนจำนวนหน่วยรวมกันสูงถึงร้อยละ 74.7 ของทั่วประเทศ และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - กันยายน) กรุงเทพมหานคร มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติมากกว่าชลบุรี +จังหวัดที่มีจำนวนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคนต่างชาติมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, ภูเก็ต, เชียงใหม่ และสมุทรปราการ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ใน 2 จังหวัดแรก คือ กรุงเทพมหานคร มีมูลค่า 30,528 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 59.3 และชลบุรี มีมูลค่า 11,021 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21.4 ตามลำดับ โดยทั้ง 2 จังหวัดมีสัดส่วนมูลค่ารวมกันสูงถึงร้อยละ 80.7 ของทั่วประเทศ และหากเทียบตั้งแต่ปี 2565 พบว่า กรุงเทพมหานคร และชลบุรี ยังคงเป็นจังหวัดที่มีจำนวนมูลค่าโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้คนต่างชาติในสัดส่วนที่มากที่สุดเช่นเดียวกัน ส่วนอันดับรองลงมาเป็นจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ สมุทรปราการ และประจวบคีรีขันธ์ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92124 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _6_d3cbc370-bd7b-467f-b416-43a1551b229f.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _6_d3cbc370-bd7b-467f-b416-43a1551b229f.txt" new file mode 100644 index 000000000..8349277f1 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _6_d3cbc370-bd7b-467f-b416-43a1551b229f.txt" @@ -0,0 +1,9 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปลัดเกษตรฯ ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +ปลัดเกษตรฯ ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 +ปลัดเกษตรฯ ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 +นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 ครั้งที่ 1/2568 โดยมี นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางอัญชลี สุวจิตตานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุม 123 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างคำสั่งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการดำเนินการจัดงาน และคณะทำงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 รวมทั้ง แผนปฏิบัติการงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 ด้วย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92133 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _7_fd379d35-575d-4823-bc63-8d2fbd692db6.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _7_fd379d35-575d-4823-bc63-8d2fbd692db6.txt" new file mode 100644 index 000000000..9cee1f766 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _7_fd379d35-575d-4823-bc63-8d2fbd692db6.txt" @@ -0,0 +1,13 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-"ดีพร้อม" เดินหน้ากิจกรรม Train The Trainer ปั้นผู้สอน ส่งต่อทักษะเชฟอาหารไทยมืออาชีพสู่ชุมชน ตามนโยบาย "รมว.เอกนัฏ" + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +"ดีพร้อม" เดินหน้ากิจกรรม Train The Trainer ปั้นผู้สอน ส่งต่อทักษะเชฟอาหารไทยมืออาชีพสู่ชุมชน ตามนโยบาย "รมว.เอกนัฏ" +"ดีพร้อม" เดินหน้ากิจกรรม Train The Trainer ปั้นผู้สอน ส่งต่อทักษะเชฟอาหารไทยมืออาชีพสู่ชุมชน ตามนโยบาย "รมว.เอกนัฏ" +กรุงเทพฯ 6 มกราคม 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้ นายสุรพล ปลื้มใจ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดกิจกรรมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเป็นครูผู้สอน (Train The Trainer) รุ่น 3 - 5 ภายใต้โครงการหนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ดีพร้อม (DIPROM) และผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว โดยมี นางสาวอริยาพร อำนรรฆสรเดช ผู้อำนวยการกองพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชน กล่าวรายงาน ณ ห้อง Grand Ballroom ช้ัน 3 อาคารศูนย์การเรียนรู้อาหารไทย สถาบันอาหาร +กิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้ครูผู้สอน ที่จะมีหน้าที่ไปพัฒนาทักษะให้กับผู้เข้าอบรมหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ โดยแบ่งการจัดอบรมเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 18 - 22 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา และช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 - 10 มกราคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดความรู้และทักษะที่จำเป็นในการเป็นผู้สอนอย่างมืออาชีพ สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรเชฟอาหารไทยมืออาชีพ การประเมินผล และการใช้เครื่องมือเพื่อการบริหารจัดการการอบรม ทั้งนี้ หลักสูตรการฝึกอบรมจะเน้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรม สามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในการสอนอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจและทักษะในการสื่อสารที่ดี อีกทั้งเสริมสร้างแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ทันสมัย ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนในยุคปัจจุบัน ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ ทันสมัย สะอาด สะดวก โปร่งใส” ของนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม +นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมครูผู้สอนแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ครูผู้สอนได้ไปศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องในสาขาอาชีพอีกด้วย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92134 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _8_b81c2586-7ac2-471d-a616-369fdbb5fda1.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _8_b81c2586-7ac2-471d-a616-369fdbb5fda1.txt" new file mode 100644 index 000000000..132abc1be --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _8_b81c2586-7ac2-471d-a616-369fdbb5fda1.txt" @@ -0,0 +1,11 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ธอส. เอาใจคนรักการออม เปิดบัญชีเงินฝาก “ซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษ” ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.85% ต่อปี นาน 12 เดือน + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +ธอส. เอาใจคนรักการออม เปิดบัญชีเงินฝาก “ซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษ” ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 รับอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 1.85% ต่อปี นาน 12 เดือน +ธอส. จัดเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษ บวกอัตราดอกเบี้ยเพิ่มให้อีก 0.35% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษเท่ากับ 1.50% ต่อปี) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย 1.85% ต่อปี นาน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่เปิดบัญชี +ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ส่งเสริมการออม โดยจัดเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษ บวกอัตราดอกเบี้ยเพิ่มให้อีก 0.35% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษเท่ากับ 1.50% ต่อปี) คิดเป็นอัตราดอกเบี้ย 1.85% ต่อปี นาน 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่เปิดบัญชี เพียงเปิดบัญชีครั้งแรกตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป ไม่จำกัดวงเงินฝาก, ฝากและถอนได้, เปิดบัญชีได้ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล โดยสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาได้รับการยกเว้นภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก ผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีเงินฝาก “ซุปเปอร์ออมทรัพย์พิเศษ” ได้ที่สาขาของธนาคารตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงินโครงการก่อนสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ GH Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92140 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _9_0361bb12-50e5-4b4b-922c-346db5106fe8.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _9_0361bb12-50e5-4b4b-922c-346db5106fe8.txt" new file mode 100644 index 000000000..26f5c97a9 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\224\340\271\211\340\270\262\340\270\231\340\271\200\340\270\250\340\270\243\340\270\251\340\270\220\340\270\201\340\270\264\340\270\210 _9_0361bb12-50e5-4b4b-922c-346db5106fe8.txt" @@ -0,0 +1,12 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-รมช.อัครา มุ่งพัฒนาพื้นที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต หวังสร้าง Fish Market เพื่อสร้างรายได้และผลประโยชน์ต่อชาวประมงอย่างยั่งยืน + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +รมช.อัครา มุ่งพัฒนาพื้นที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต หวังสร้าง Fish Market เพื่อสร้างรายได้และผลประโยชน์ต่อชาวประมงอย่างยั่งยืน +รมช.อัครา มุ่งพัฒนาพื้นที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต หวังสร้าง Fish Market เพื่อสร้างรายได้และผลประโยชน์ต่อชาวประมงอย่างยั่งยืน +นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต พร้อมรับฟังแนวทางการปรับปรุง พัฒนา และแก้ไขปัญหาของชาวประมงและผู้ประกอบการในพื้นที่ ณ ต.รัษฏา อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยท่าเทียบเรือดังกล่าวมีศักยภาพในการขนถ่ายปลาทูน่าจากเรือประมงจากประเทศไต้หวัน ซึ่งในช่วงปี 2555 - 2564 มีเรือประมงจากประเทศไต้หวันขึ้นขนุถ่ายปลาทูน่าหลายชนิดรวมปริมาณ 11,926,777 กิโลกรัม กระทรวงเกษตรฯ โดยองค์การสะพานปลา จึงมีแนวทางในการพัฒนาพื้นที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต และยกระดับคุณภาพชีวิตชาวประมงและผู้ประกอบกิจการด้านประมงขึ้นอย่างยั่งยืน จึงมีแนวทางในการจัดทำโครงการพัฒนาศูนย์กลางการขนถ่ายปลาทูน่าในเอเชีย (Tuna Hub) เพื่อครัวไทยสู่ครัวโลก ที่ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนถ่าย สถานที่จำหน่ายสัตว์น้ำ การจัดระเบียบเรือประมงและด้านสุขอนามัย นำพื้นที่เรือประมงใช้ขนถ่ายและซื้อขายสินค้าสัตว์น้ำ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรฐานสุขลักษณะการดูแลรักษาสัตว์น้ำ โดยการสร้างผนังเขื่อนกันดิน ขุดลอกร่องน้ำหน้าท่าเทียบเรือ และปรับปรุงก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกท่าเทียบเรือรองรับการขนถ่ายปลาทูน่า เพื่อให้เรือประมงสามารถเข้ามาเทียบในท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตได้ แก้ไขปัญหาร่องน้ำตื้นเขินและบรรเทาความเดือดร้อนของชาวประมงและผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการในบริเวณท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้เรือประมงและเรือทั่วไปในการสัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว และนำเรือประมงต่างประเทศเข้าขนถ่ายปลาทูน่า เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในการเป็นศูนย์กลางของการนำเข้าและส่งออกปลาทูน่า (Tuna Hub) พัฒนาธุรกิจสินค้าประมงด้านการนำเข้าและส่งออกปลาทูน่าผ่านท่าเทียบเรือประมงนานาชาติภูเก็ต +อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ โดยองค์การสะพานปลา ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานในเรื่องการยกระดับศักยภาพของเกษตรกร/สถาบันเกษตรกรให้เข้มแข็ง ทั้งในเรื่องการส่งเสริมด้านการตลาดสินค้าสัตว์น้ำและอุตสาหกรรมการประมง พร้อมดำเนินการหรือควบคุม และอำนวยบริการซึ่งกิจการแพปลา การขนส่ง และกิจการอื่น ๆ อันเกี่ยวกับกิจการแพปลา อีกทั้งยังส่งเสริมฐานะ สวัสดิการ หรืออาชีพของชาวประมง และส่งเสริมสหกรณ์หรือสมาคมการประมงด้วย โดยการขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์การสะพานปลา สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาภาคใต้ ปี 2566 -  2570 ของรัฐบาล ทั้งในเรื่อง P-Premium Services & Tourism (การท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำ) การยกระดับบริการด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ปลอดภัย และมีมูลค่าสูง และ A - Agro-based Industries and Organic Farming (อุตสาหกรรมการเกษตรและเกษตรอินทรีย์) การส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม +ทั้งนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมา มีจำนวนเรือประมงพาณิชย์ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต (ข้อมูล ณ วันที่ 23 ธ.ค. 67) จำนวน 346 ลำ และข้อมูลจากองค์การสะพานปลา ณ วันที่ 31 ธ.ค. 67 มีปริมาณสัตว์น้ำผ่านท่า จำนวน 27,263,766.50 กก. มูลค่า 1,635,321,970 บาท เรือเข้ามาขนถ่ายสินค้า จำนวน 25,292 เที่ยว รถยนต์เข้ามาบรรทุกขนถ่ายสินค้า จำนวน 21,401 เที่ยว +"วันนี้ตั้งใจมารับฟังปัญหาของพี่น้องชาวประมงและพัฒนาท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต ซึ่งตั้งใจที่จะพัฒนาพื้นที่ให้เป็น Fish Market โดยกระทรวงเกษตรฯ พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาพื้นที่ทั้งในมิติของการสร้างรายได้และผลประโยชน์ตอบแทนที่สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมประมงไปสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่อไป อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการจัดสรรพื้นที่ ทั้งการเพิ่มพื้นที่ในการจอดเรือประมง ลดความแออัด ซึ่งจะต้องมีการขุดลอกและขยายพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวประมง และลดผลกระทบระหว่างภาคการประมงและภาคการท่องเที่ยวด้วย" นายอัครา กล่าว + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92148 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _1_cd790d40-4f94-41f8-beea-ca69af672e41.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _1_cd790d40-4f94-41f8-beea-ca69af672e41.txt" new file mode 100644 index 000000000..cf34dd11e --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _1_cd790d40-4f94-41f8-beea-ca69af672e41.txt" @@ -0,0 +1,19 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-เตือน ! ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา ภายใน 15 ม.ค. นี้ + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +เตือน ! ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา ภายใน 15 ม.ค. นี้ +เตือน ! ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา ภายใน 15 ม.ค. นี้ +เตือน ! ผู้ประสบภัยน้ำท่วมใต้ ลงทะเบียนรับเงินเยียวยา ภายใน 15 ม.ค. นี้ +. +กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ ครัวเรือนละ 9,000 บาท ย้ำ 16 จังหวัด ที่ได้รับการจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม ตามมติครม. 3 ธ.ค. 67 เร่งตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือฯ ให้เป็นไปตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนด +. +สำหรับผู้ประสบอุทกภัย ที่เข้าหลักเกณฑ์ฯ รีบลงทะเบียนให้เสร็จภายใน 15 ม.ค. 68 แบบ Online ผ่านเว็บไซต์ https://flood67.disaster.go.th/ และแบบ Onsite ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ +. +อ่านเพิ่มเติม >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92053 +. +#ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92135 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _2_e8efd840-23f3-4e5e-80b9-a58a4cecbfa6.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _2_e8efd840-23f3-4e5e-80b9-a58a4cecbfa6.txt" new file mode 100644 index 000000000..086c6ac22 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _2_e8efd840-23f3-4e5e-80b9-a58a4cecbfa6.txt" @@ -0,0 +1,20 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-อย่ากิน “ลูกปลาดิบ” เสี่ยงอันตราย แผลหายช้า + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +อย่ากิน “ลูกปลาดิบ” เสี่ยงอันตราย แผลหายช้า +อย่ากิน “ลูกปลาดิบ” เสี่ยงอันตราย แผลหายช้า +อย่ากิน “ลูกปลาดิบ” เสี่ยงอันตราย แผลหายช้า +. +กรมการแพทย์ เตือน คุณแม่หลังคลอด กรณีมีการส่งต่อความเชื่อว่า “กินลูกปลาช่อนดิบ ช่วยให้แผลหลังคลอดหายไวขึ้น” ซึ่งไม่มีข้อมูลทางวิชาการรับรอง ไม่แนะนำให้ทำตาม +. +ลูกปลาช่อนดิบ ไม่มีสรรพคุณทางยา อาจมีพยาธิและแบคทีเรียซ่อนอยู่ในตัวปลา ทำให้ท้องเสีย ร่างกายอ่อนแอ ส่งผลให้การหายของแผลแย่ลงได้ ในระยะยาวอาจเป็นโรคเกี่ยวกับพยาธิด้วย +. +แม่หลังคลอด ควรเลี่ยง อาหารหมักดอง ไม่สุก ไม่สะอาด +รับประทานอาหารที่มีประโยชน์หลากหลาย เพื่อให้ได้รับสารอาหารเพียงพอ ที่สำคัญ คือ ต้องสะอาด ถูกสุขอนามัย และพักผ่อนให้เพียงพอ แผลจะหายเอง +. +#ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92136 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _3_c1a5bcc3-b5b0-4919-9711-59b5ee2450e4.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _3_c1a5bcc3-b5b0-4919-9711-59b5ee2450e4.txt" new file mode 100644 index 000000000..caec0a365 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\227\340\270\261\340\270\231 LINE \340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _3_c1a5bcc3-b5b0-4919-9711-59b5ee2450e4.txt" @@ -0,0 +1,17 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาในพื้นที่ เดินหน้า Big Event กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยทุกมิติ 9 ม.ค. 68 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาในพื้นที่ เดินหน้า Big Event กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยทุกมิติ 9 ม.ค. 68 +นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาในพื้นที่ เดินหน้า Big Event กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยทุกมิติ 9 ม.ค. 68 +นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต ติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาในพื้นที่ เดินหน้า Big Event กระตุ้นการท่องเที่ยวไทยทุกมิติ 9 ม.ค. 68 +. +นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 9 มกราคม 2568 เพื่อประชุมติดตามการแก้ปัญหาน้ำท่วมและปัญหาต่าง ๆ ในพื้นที่ เตรียมรองรับการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมเป็นประธานเปิดงานแสดงเรือนานาชาติแห่งประเทศไทยและลักซ์ชูรี่ไลฟ์สไตล์ ณ ท่าเทียบเรือยอร์ช เฮเว่น มารีน่า เดินหน้าเตรียมการ Big Event เพื่อผลักดันภูเก็ตให้เป็น Premium Destination ระดับโลก +. +อ่านเพิ่มเติม คลิก >> https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92114 +. +#ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92137 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _1_e8d22908-908b-43ad-a318-ba611a13832d.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _1_e8d22908-908b-43ad-a318-ba611a13832d.txt" new file mode 100644 index 000000000..ecd6e8319 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\243\340\270\262\340\270\242\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\247\340\270\264\340\270\227\340\270\242\340\270\270\340\271\204\340\270\227\340\270\242\340\270\204\340\270\271\340\271\210\340\270\237\340\271\211\340\270\262 _1_e8d22908-908b-43ad-a318-ba611a13832d.txt" @@ -0,0 +1,19 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-เชิญชวนประชาชน สักการะพระเขี้ยวแก้ว ถึง 14 ก.พ.68 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +08/01/2568 +พิมพ์ +เชิญชวนประชาชน สักการะพระเขี้ยวแก้ว ถึง 14 ก.พ.68 +วันพุธ ที่ 8 ม.ค.68 +ต่อจากนี้ไป ขอเชิญรับฟังไทยคู่ฟ้า +รัฐบาลเชิญชวนพุทธศาสนิกชนและประชาชนที่สนใจ ร่วมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว +จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว +เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา +6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย- +จีนในปี 2568 นี้ ระลึกถึงพระพุทธคุณเสริมสิริมงคลในการเริ่มต้นปีใหม่แก่ตนเองและครอบครัว +ผู้สนใจยังเข้าร่วมสักการะได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 20.00 น. ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 ณ +มณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยเตรียมบัตรประชาชนไปแสดงตัวตน ไม่ต้องนำดอกไม้และเครื่องสักการะไป +“สื่อสารภารกิจรัฐบาล” กับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92131 \ No newline at end of file diff --git "a/data/2025/01/08/\340\270\252\340\270\243\340\270\270\340\270\233\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\233\340\270\243\340\270\260\340\270\212\340\270\270\340\270\241 \340\270\204\340\270\243\340\270\241_1_216b6702-2e22-4f20-8fad-0c988627ff77.txt" "b/data/2025/01/08/\340\270\252\340\270\243\340\270\270\340\270\233\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\233\340\270\243\340\270\260\340\270\212\340\270\270\340\270\241 \340\270\204\340\270\243\340\270\241_1_216b6702-2e22-4f20-8fad-0c988627ff77.txt" new file mode 100644 index 000000000..fc03ac993 --- /dev/null +++ "b/data/2025/01/08/\340\270\252\340\270\243\340\270\270\340\270\233\340\270\202\340\271\210\340\270\262\340\270\247\340\270\201\340\270\262\340\270\243\340\270\233\340\270\243\340\270\260\340\270\212\340\270\270\340\270\241 \340\270\204\340\270\243\340\270\241_1_216b6702-2e22-4f20-8fad-0c988627ff77.txt" @@ -0,0 +1,504 @@ +รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-สรุปข่าวการประชุม ครม. 7 มกราคม 2568 + + +วันพุธที่ 8 มกราคม 2568 +07/01/2568 +พิมพ์ +สรุปข่าวการประชุม ครม. 7 มกราคม 2568 +นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล +http://www.thaigov.go.th +(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง) +วันนี้ (7 มกราคม 2568)  เวลา 10.00 น.  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1  ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้ +กฎหมาย +1.        เรื่อง     ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินอุดหนุนตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด) +2.        เรื่อง     ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง  และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน  จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... +3.        เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... +4.        เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... +5.        เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. .... +6.        เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. .... +7.        เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... +8.        เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่..) พ.ศ. .... +9.        เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... +10.      เรื่อง     ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... +11.      เรื่อง     ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... +12.      เรื่อง     ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... +เศรษฐกิจ – สังคม +13.      เรื่อง     การทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล +14.      เรื่อง     การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย +15.      เรื่อง     โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และโครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย +ต่างประเทศ +16.      เรื่อง     ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจําปี พ.ศ. 2567 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2024) +17.      เรื่อง     บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง –ล้านช้าง ประจำปี 2567 ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย +18.      เรื่อง     ร่างเอกสาร Guidelines and Minimum Standards ด้านโภชนาการระดับอาเซียน 5 ฉบับ +19.      เรื่อง     การขอขยายระยะเวลาการดําเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme UNDP)  ในการดําเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร - UNDP (Bangkok - UNDP Regional Innovation Center: RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab: TPLab) +20.      เรื่อง     ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง +แต่งตั้ง +21.      เรื่อง     คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการคลัง) +22.      เรื่อง     การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) +23.      เรื่อง     การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ  (กระทรวงแรงงาน) +24.      เรื่อง     ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (ครั้งที่ 1) (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) +25.      เรื่อง     การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง  (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) +26.      เรื่อง     การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก +27.      เรื่อง     การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน +28.      เรื่อง     การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี +กฎหมาย +1. เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินอุดหนุนตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด) +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินอุดหนุนตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ +สาระสำคัญ +ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (15 กันยายน 2563) และรัฐบาลได้จ่ายเงินอุดหนุนให้แก่กลุ่มเกษตร  แปลงใหญ่ตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด จำนวนสูงสุดแปลงละ 3 ล้านบาท +(รวม 3,377 แปลง) ซึ่งได้จ่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ ที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้นำเงินสนับสนุนดังกล่าวไปดำเนินการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อมาดำเนินกิจกรรมการผลิตและให้บริการในแปลงสมาชิก โดยยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ จึงไม่ถือว่าเงินอุดหนุนดังกล่าวเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี แต่เป็นการส่งเสริมให้กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่มีการนำเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนการผลิต ส่งผลให้ผลผลิตมีคุณภาพมาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ตลอดจนเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นควรยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน สำหรับเงินอุดหนุนที่ได้รับตามโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดที่ได้รับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ตามมติคณะรัฐมนตรี  (15 กันยายน 2563) เพื่อให้กลุ่มเกษตรกรสามารถนำเงินสนับสนุนที่ได้รับจากภาครัฐไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและให้บริการในแปลงของสมาชิก รวมทั้งยกระดับการผลิตไปสู่สินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่อไป +2. เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง  และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน  จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง  และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน  จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้ง  ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย +สาระสำคัญของเรื่อง +ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง  และตำบลสีวิเชียร อำเภอ +น้ำยืน  จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... เป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโซง และตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี (ที่ดินประมาณ 204 แปลง)  เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุบลราชธานีมีกำหนดใช้บังคับ  2 ปี  โดยจะเริ่มต้นเข้าสำรวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนภายใน 90 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เพื่อดำเนินการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการอ่างเก็บน้ำลำห้วยบอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดอุบลราชธานี หากโครงการนี้สำเร็จแล้วจะช่วยทำหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำและสนับสนุนการเพาะปลูกของพื้นที่เกษตรของราษฎรในเขตพื้นที่ชลประทานประมาณ 5,000 ไร่ รวมทั้งเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด โดยกรมการปกครองได้ตรวจสอบแผนที่ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้แล้ว ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 (เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีการตราร่างกฎหมายหรือร่างอนุบัญญัติที่ต้องจัดให้มีแผนที่ท้าย)  และสำนักงบประมาณแจ้งว่าจะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้กรมชลประทาน เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับแล้ว +กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแล้วในเขตพื้นที่โครงการ +ซึ่งส่วนใหญ่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว และได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ด้วยแล้ว +3. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ   ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ +สาระสำคัญของเรื่อง +1. มาตรา 63/15 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 กำหนดให้หน่วยงานของรัฐสามารถยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ศาลออกหมายบังคับคดี  ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินได้ โดย “หน่วยงานของรัฐ”ตามบทบัญญัติดังกล่าว หมายถึง กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นของรัฐตามที่กำหนดในกฎกระทรวง สำหรับ  การกีฬาแห่งประเทศไทยนั้นเป็นนิติบุคคลซึ่งมีทุนส่วนหนึ่งมาจากเงินที่ได้จากงบประมาณแผ่นดินให้เป็นทุนหรือเพื่อดำเนินงาน จึงมีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 แต่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐตามบทนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” ตามมาตรา 63/15 วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ ที่จะขอให้พนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ ทำให้ไม่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ อาทิ สโมสรกีฬาอาชีพหรือสมาคมกีฬาอาชีพ  ไม่จดแจ้งการดำเนินการต่อนายทะเบียน หรือไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดข้อมูล หรือรายการหลักฐานที่ได้เคยยื่นขอจดแจ้งไว้แล้ว หรือไม่จัดทำสัญญาจ้างหรือความตกลงร่วมกันเป็นหนังสือ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน  การจ้างที่คณะกรรมการประกาศกำหนด ซึ่งการบังคับคดีให้ชำระค่าปรับทางปกครองกรณีดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น +2. ด้วยเหตุดังกล่าว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงให้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มาเพื่อดำเนินก   ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองฯ ที่จะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครองได้ เพื่อให้การบังคับทางปกครองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น +4. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ +สาระสำคัญของเรื่อง +1. ปัจจุบันทางหลวงสัมปทานมีเพียงสายเดียวคือ ทางหลวงสัมปทานหมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดินแดง - อนุสรณ์สถาน) และไม่มีกฎหมายกำหนดอัตราความเร็วสำหรับยานพาหนะที่วิ่งบนทางหลวงสัมปทานไว้เป็นการเฉพาะ มีเพียงกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วสำหรับการขับรถในทางเดินรถ พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นกฎหมายทั่วไปในลักษณะกฎหมายกลางที่กำหนดความเร็วสำหรับการขับรถในทางเดินรถไว้ จึงยังไม่เหมาะสมกับลักษณะของทางหลวงสัมปทาน ส่งผลให้การจราจรบนทางหลวงสัมปทานเกิดความไม่คล่องตัวเท่าที่ควรและมักเกิดกรณีการกระทำความผิดที่ผู้ขับขี่ขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดจึงมีความจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงเพื่อรองรับการดำเนินการดังกล่าว เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ความสะดวก และความปลอดภัยในสัญจรบนทางหลวงดังกล่าว +2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายสำหรับการกำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทานที่สอดคล้องกับการใช้ความเร็วที่เหมาะสมบนทางสัมปทาน ดังนี้ +2.1 กำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงสัมปทานตามประเภทของยานพาหนะ ดังนี้ +2.1.1 รถบรรทุกที่มีน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสารที่มี ที่นั่งคนโดยสารเกิน 15 คน ให้ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ปัจจุบัน ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน   60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) +2.1.2 รถขณะที่ลากจูงรถอื่น หรือรถยนต์สี่ล้อเล็ก ให้ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน      65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ปัจจุบัน ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) +2.1.3 รถโรงเรียนหรือรถรับส่งนักเรียน ให้ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร  ต่อชั่วโมง (ปัจจุบัน ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) +2.1.4 รถอื่นนอกจากข้อ 2.1.1 ถึงข้อ 2.1.3 ให้ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ปัจจุบัน ใช้อัตราความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) +2.2 กำหนดให้รถที่อยู่ในช่องเดินรถช่องขวาสุด ต้องใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า 90 กิโลเมตร    ต่อชั่วโมง เว้นแต่ในกรณีที่ช่องเดินรถนั้นมีข้อจำกัดด้านการจราจรหรือทัศนวิสัย มีสิ่งกีดขวาง หรือมีเหตุขัดข้องอื่น (ปัจจุบัน ไม่มีกำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วสำหรับการขับรถในทางเดินรถ พ.ศ. 2564) +5. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ +สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฯ +พน. โดยกรมธุรกิจพลังงาน เสนอว่า +1. โดยที่มาตรา 7 (1) (3) (5) และ (7) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 บัญญัติให้เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหายหรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม หรือการกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดการขนส่ง ลักษณะของถังหรือภาชนะที่ใช้ในการบรรจุหรือขนส่ง การบำรุงรักษาถังหรือภาชนะดังกล่าว วิธีการปฏิบัติงานและการจัดให้มีและบำรุงรักษาอุปกรณ์หรือเครื่องมืออื่นใด รวมทั้งกำหนดการอื่นใดอันจำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงสมควรจัดทำร่างกฎกระทรวง ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว พ.ศ. .... กำหนดหลักเกณฑ์ ลักษณะ วิธีการและเงื่อนไขในการออกแบบ สร้าง ติดตั้ง ทดสอบและตรวจสอบ การรับ การจ่าย การถ่ายเท การเคลื่อนย้ายถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว การป้องกันและระงับอัคคีภัย รวมถึงแนวทางปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุและการเลิกใช้งานถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ทั้งถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 ตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อยู่เดิมและที่มีความประสงค์จะประกอบกิจการใหม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยในการประกอบกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว และสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการ ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวในปัจจุบัน รวมทั้งเพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายสำหรับกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวและมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสากลโดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ +หลักเกณฑ์ +รายละเอียด +1. วันบังคับใช้ +ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป +2. คำนิยาม +“ก๊าซธรรมชาติเหลว” หมายความว่า ก๊าซธรรมชาติตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้งการอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งอยู่ในสถานะของเหลว +“ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว” หมายความว่า ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาตและอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้ในการขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว +3. การขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว +การขนส่งก๊าซธรรมชาติทางบกด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ให้ขนส่งโดยรถขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว รถบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลวหรือรถไฟขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว +การขนส่งก๊าซธรรมชาติทางน้ำด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย +รถขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวต้องมีอุปกรณ์ป้องกันความเสียหายหรืออันตรายจากอุบัติเหตุ เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก +การบรรจุก๊าซธรรมชาติเหลวเพื่อขนส่ง ให้บรรจุได้ไม่เกินร้อยละเก้าสิบของปริมาตรถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว +4.ลักษณะของถังฯ +ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวมีสองแบบ ดังต่อไปนี้ +(1) ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวแบบติดตรึง +(2) ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวแบบยกและเคลื่อนที่ได้ +ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ต้องติดตั้งข้อต่อระบายก๊าซที่ระบบท่อก๊าซในตำแหน่งที่สามารถระบายก๊าซออกจากถังและท่อก๊าซได้ทั้งหมด +5.การบรรทุกถังฯ +การบรรทุกถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวแบบยกและเคลื่อนที่ได้ ต้องจัดให้มีการตรึงไว้กับตัวโครงรถ +6.การติดตั้งถังฯ +ห้ามติดตั้งถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวบนรถขนส่งทางบกประเภทรถพ่วงตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก +การออกแบบการติดตั้งถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ระบบท่อก๊าซและอุปกรณ์ต้องกระทำโดยวิศวกรซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร +ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวต้องติดตั้งข้อต่อหรือท่อทางเข้าของวาล์วนิรภัย (safety valve) หรืออุปกรณ์ควบคุมความดันเกินพิกัดไว้ +ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวต้องติดตั้งมาตรวัดความดันอย่างน้อยหนึ่งตัว ติดตั้งอุปกรณ์หรือวิธีการเพื่อระบายความดัน ติดตั้งอุปกรณ์วัดระดับของเหลวที่ใช้กับก๊าซธรรมชาติเหลวได้อย่างน้อยหนึ่งตัว +การติดตั้งถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้ +(1) ต้องมีการยึดถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวติดกับโครงสร้างอย่างมั่นคง แข็งแรง +(2) กรณีที่มีการติดตั้งโกร่งป้องกันต้องมีการระบายอากาศที่ดี +(3) ระบบท่อก๊าซร่วมต้องออกแบบให้ได้รับการป้องกันจากแรงกระแทกและการฉีกขาด +(4) มีการจัดวางถังโดยต้องสามารถระบายก๊าซขึ้นข้างบนได้สะดวก หากมีการรั่วไหลเกิดขึ้น +การติดตั้งถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ต้องมีระยะห่างจากอุปกรณ์อื่น ๆ ดังต่อไปนี้ +(1) ระยะห่างตามแนวราบ ระหว่างผนังด้านหลังห้องคนขับรถกับผนังถังขนส่ง ก๊าซธรรมชาติเหลว ส่วนที่ใกล้ที่สุดไม่น้อยกว่า 150 มิลลิเมตร +(2) ระยะห่างตามแนวราบ ระหว่างด้านในของกันชนท้ายกับผนังถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ส่วนที่ใกล้ที่สุดไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร +(3) ระยะห่างระหว่างผนังถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวและอุปกรณ์กับท่อไอเสียไม่น้อยกว่า 100 มิลลิเมตร +การติดตั้งถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวกับโครงสร้างหรือโครงรถ จะต้องไม่มีส่วนหนึ่ง ส่วนใดของถังล้ำหรือยื่นออกมานอกโครงสร้าง โครงรถ หรือกันชนท้าย +7.การทดสอบและการตรวจสอบ +ก่อนการใช้งานหรือเมื่อได้รับความเสียหายที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ใช้ในการออกแบบ หรือวิธีการอื่นที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดใน +ราชกิจจานุเบกษา และต้องได้รับการรับรองและต้องมีเอกสารรับรองว่าได้ผ่านการออกแบบ การผลิต และการทดสอบและตรวจสอบตามมาตรฐานการออกแบบกำหนด +ต้องกระทำโดยวิศวกรซึ่งได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกร +8.ระบบไฟฟ้า +อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และบริภัณฑ์ ต้องเป็นชนิดป้องกันการระเบิด ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานฯ +การติดตั้งและการตรวจสอบระบบไฟฟ้า ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย +รถขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว รถบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลว และรถไฟขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ต้องได้รับการตรวจสอบการต่อฝาก (bonding) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย +9.การรับและการจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว +ผู้ประกอบกิจการควบคุมต้องจัดให้มีการป้องกันไม่ให้ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวเคลื่อนที่ +ห้ามกระทำการใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดเปลวไฟ หรือประกายไฟในบริเวณที่มีการรับหรือจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว +การรับก๊าซธรรมชาติเหลวลงในถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ต้องกระทำภายในคลังก๊าซธรรมชาติ +การจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลวจากถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ต้องกระทำภายในสถานที่ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 สถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ หรือคลังก๊าซธรรมชาติ +ต้องมีการต่อสายดินเพื่อถ่ายเทประจุไฟฟ้าตลอดเวลาที่ทำการรับหรือจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว +10. การป้องกันและระงับอัคคีภัย +ผู้ประกอบกิจการควบคุม ต้องจัดให้มีเครื่องดับเพลิงและมีมาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัย +ผู้ประกอบกิจการควบคุม ต้องมีเอกสารข้อมูลความปลอดภัยที่ระบุถึงคุณสมบัติของก๊าซธรรมชาติเหลว ความเป็นอันตรายและคู่มือวิธีปฏิบัติกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินสำหรับถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว +11. การปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ +ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับรถขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว รถบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลวหรือรถไฟขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ถ้ามีการถอดท่อก๊าซหรืออุปกรณ์ออกจากถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวแล้วนำกลับเข้าไปติดตั้งใหม่ จะต้องตรวจสอบการรั่วซึมของระบบท่อก๊าซและอุปกรณ์ +ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงแล้วส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงของถังขนส่ง ก๊าซธรรมชาติเหลว ให้ทำการระบายก๊าซธรรมชาติสู่บรรยากาศ +12. การเลิกใช้งานถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว +ผู้ประกอบกิจการควบคุมจะต้องแจ้งยกเลิกการใช้งานถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลว ต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน โดยต้องมีการรับรองจากผู้ทดสอบและตรวจสอบว่าไม่มีก๊าซธรรมชาติค้างอยู่ในถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวดังกล่าว +ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติเหลวที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือไฟไหม้ที่อาจก่อให้เกิดอันตราย หรือถังที่ไม่ผ่านการทดสอบและตรวจสอบ ต้องดำเนินการแจ้งยกเลิกการใช้งาน +6.  เรื่อง ร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. .... สถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ (พน.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย +สาระสำคัญของเรื่อง +1. ตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ได้กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจออกกฎกระทรวงกำหนดที่ตั้ง แผนผัง รูปแบบ ลักษณะของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติลักษณะของถังในการบรรจุก๊าซธรรมชาติและการบำรุงรักษาดังกล่าว วิธีการปฏิบัติงานและการจัดให้มีและการบำรุงรักษาอุปกรณ์หรือเครื่องมืออื่นใดภายในสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งการอื่นใดอันจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่การป้องกันหรือระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญ หรือความเสียหายหรืออันตรายที่จะมีผลกระทบต่อบุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อมจากการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ +2. ต่อมาได้มีประกาศกระทรวงพลังงาน เรื่อง หลักเกณฑ์และมาตรฐานความปลอดภัยของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่กรมธุรกิจพลังงานรับผิดชอบ พ.ศ. 2550 ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 ซึ่งใช้บังคับเพื่อกำกับดูแลการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเฉพาะที่นำก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas) ในสถานะไอก๊าซมาเป็นเชื้อเพลิง แต่ประกาศดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงการกำกับดูแลสถานที่ ใช้ก๊าซธรรมชาติที่นำก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquefied Natural Gas - LNG) มาใช้เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงอย่างแพร่หลายภายในโรงงานอุตสาหกรรม +3. พน. โดยกรมธุรกิจพลังงานพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานความปลอดภัยของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติให้มีความชัดเจนและครอบคลุมทั้งก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas)  ในสถานะไอก๊าซและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นเชื้อเพลิงประกอบกับในเรื่องดังกล่าวยังไม่มีกฎหมายที่ใช้กำกับดูแลการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่นำก๊าซธรรมชาติทั้ง 2 สถานะมาเป็นเชื้อเพลิง (ซึ่งเป็นการควบคุมประเภทที่ 3 โดยผู้ประกอบการต้องดำเนินการขอรับใบอนุญาตก่อนเริ่มประกอบกิจการ ตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม) จึงได้ดำเนินการยกร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ  พ.ศ. .... โดยได้ปรับปรุงจากร่างประกาศกระทรวงพลังงานฯ ตามข้อ 2 ให้สามารถกำกับดูแลการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติให้ครอบคลุมถึง LNG ด้วย ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เช่น การออกแบบสร้าง ติดตั้ง การทดสอบและตรวจสอบ การป้องกันและระงับอัคคีภัย ตลอดจนแนวทางปฏิบัติในการเลิกประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสากล เพื่อป้องกันและระงับเหตุเดือดร้อนรำคาญหรือความเสียหาย หรืออันตรายที่มีผลกระทบจากการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติตลอดจนสอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติในปัจจุบัน สรุปได้ดังนี้ +ประเด็น +รายละเอียด +1) กำหนดบทนิยามที่สำคัญ                      (ร่างฯ ข้อ2) +“ก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า ก๊าซปิโตรเลียมที่ประกอบด้วยมีเทนเป็นส่วนใหญ่ +“ก๊าซธรรมชาติเหลว” หมายความว่า ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งอยู่ในสถานะของเหลว (LNG) +“สถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า สถานที่ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงและให้หมายความรวมถึงบริเวณที่กำหนดไว้ในกฎหมายหรือใบอนุญาต ให้ใช้เป็นสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนสิ่งก่อสร้าง ถัง ท่อ อุปกรณ์ หรือเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง +“เขตสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า เขตที่แสดงถึงบริเวณที่ตั้งของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พื้นที่กักเก็บธรรมชาติ ถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ สถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ ระบบท่อก๊าซธรรมชาติ เครื่องสูบอัดก๊าซธรรมชาติ เครื่องสูบก๊าซธรรมชาติ เครื่องทำไอก๊าซธรรมชาติและหรืออุปกรณ์เครื่องมือตลอดจนระบบไฟฟ้า และ/หรือระบบความปลอดภัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ก๊าซธรรมชาติตามที่กำหนดในแผนผังบริเวณของสถานีใช้ก๊าซธรรมชาติ +“ถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า ถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ                 ตามกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่เกี่ยวกับการแจ้ง                การอนุญาตและอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง +“ถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว” หมายความว่า ถังหรือภาชนะที่ใช้บรรจุ             ก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในสถานะของเหลว +“ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติตามกฎกระทรวงดังกล่าวกำหนดให้มีความหมายตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการแจ้ง การอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียม เกี่ยวกับการประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง +“พื้นที่กักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว” หมายความว่า พื้นที่ภายในเขื่อน กำแพง หรือบ่อกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว ที่ล้อมรอบถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว เครื่องสูบก๊าซธรรมชาติและเครื่องทำไอก๊าซธรรมชาติ +“สถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ” หมายความว่า สถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติที่อยู่ภายในเขตสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งประกอบด้วยระบบท่อหรืออุปกรณ์ เครื่องมือ ตลอดจนระบบไฟฟ้าและระบบความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง และต้องเป็นบริเวณที่ท่อก๊าซธรรมชาติจากภายนอกเขตสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติผ่านเข้าเท่านั้น +“ผู้รับใบอนุญาต” หมายความว่า ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 สำหรับสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ +2) กำหนดมาตรฐานการออกแบบการทดสอบและตรวจสอบของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (หมวด 1 บททั่วไป ร่างฯ ข้อ 3 - 6) +กำหนดให้การออกแบบสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ระบบท่อก๊าซธรรมชาติ และระบบไฟฟ้ารวมถึงการทดสอบและตรวจสอบ ถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ ระบบท่อก๊าซธรรมชาติต้องดำเนินการออกแบบโดยวิศวกร ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม รวมถึงการทดสอบและตรวจสอบต้องดำเนินการโดยผู้ทดสอบและตรวจสอบ +กำหนดให้สถานที่ตั้งของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติต้องได้รับอนุญาตและไม่ขัดต่อกฎหมายอื่น เช่น กฎหมายว่าด้วยผังเมือง กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร และกฎหมายว่าด้วยโรงงานรวมถึงการใช้ก๊าซธรรมชาติจะต้องไม่ก่อให้เกิดเหตุรำคาญต่อผู้อยู่อาศัยข้างเคียงและไม่เกิดมลพิษตลอดจนผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม +กำหนดให้ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ในสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ต้องได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 สำหรับถังขนส่งก๊าซธรรมชาติด้วย +3) กำหนดองค์ประกอบหรือลักษณะของแผนผังและแบบก่อสร้างสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและอื่น ๆ (หมวด 2 ลักษณะแผนผังและแบบก่อสร้าง ร่างฯ ข้อ7 - 15) +กำหนดให้ต้องมีแผนผังโดยสังเขปของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและจำนวนรายละเอียดขั้นต่ำของแผนผัง เช่น 1) แผนผังแสดงตำแหน่งที่ตั้งและแนวท่อของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ 2) แบบแสดงรายละเอียดท่อและอุปกรณ์ 3) แบบก่อสร้างแนวท่อใต้ดินของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่ต้องมีรายละเอียดอย่างน้อย เช่น แนวท่อและระดับของแนวท่อ ตำแหน่งที่ตั้งของแนวท่อทุกระยะการเปลี่ยนแปลงแนวท่อ รวมถึงขนาด ความยาว ความหนาของท่อและวัสดุที่ใช้ทำท่อ และ 4) แผนภาพสามมิติ (isomeric diagram) ของระบบท่อและอุปกรณ์ก๊าซที่มีการติดตั้งในสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งภายในสถานีควบคุม +กำหนดรายละเอียดขั้นต่ำของแบบการก่อสร้างต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เช่น แบบของอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวกับระบบท่อก๊าซธรรมชาติ แบบของอาคารสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ พื้นที่กักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว กำแพงกักไฟหรือผนังกันไฟแบบโครงสร้างรองรับระบบท่อ และแบบระบบไฟฟ้า เป็นต้น +4) กำหนดที่ตั้ง ลักษณะ และระยะปลอดภัยของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (หมวด 3 ที่ตั้ง ลักษณะ และระยะปลอดภัย ร่างฯ ข้อ 16 - 17) +กำหนดให้สถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ ที่ตั้ง ลักษณะ และระยะปลอดภัย (Safety distance) ดังนี้ +- ตำแหน่งที่มีโอกาสรั่วไหลของก๊าซธรรมชาติ ต้องมีระยะปลอดภัยจากเขตดิน หรือเขตสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและริมผนังอาคาร ดังนี้ +1) ตำแหน่งที่มีความดันก๊าซธรรมชาติไม่เกิน 1,900 กิโลปาสคาล (275 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว) ต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า 3 เมตร +2) ตำแหน่งที่ความดันก๊าซธรรมชาติเกิน 1,900 กิโลปาสคาล (275 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว) ต้องมีระยะห่างไม่น้อยกว่า 7.5 เมตร +- ตำแหน่งที่มีโอกาสรั่วไหลขอก๊าซธรรมชาติต้องอยู่ห่างจากผนังถังเก็บน้ำมัน ผนังถังเก็บและจ่ายก๊าซปิโตรเลียม ผนังถังเก็บวัสดุติดไฟ หรือบริเวณที่ก่อให้เกิดประกายไฟได้ง่ายไม่น้อยกว่า 7.5 เมตร +- กำหนดให้ในด้านของสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติที่ยานพาหนะสามารถเข้าถึงได้ต้องจัดให้มีเสากันภัยที่มีความแข็งแรงทุกระยะ 1.5 เมตร หรือ ราวเหล็ก (guard rail) ตลอดแนวของสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติในด้านดังกล่าว +5) กำหนดการออกแบบ ก่อสร้างและติดตั้งสำหรับระบบภายในของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (หมวด 4 การออกแบบ ก่อสร้างและติดตั้ง ภายในสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ร่างฯ ข้อ 18 - 22) +กำหนดให้การออกแบบ ก่อสร้าง และติดตั้ง ถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ พื้นที่กักเก็บก๊าซธรรมชาติ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องภายในสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด +กำหนดให้การติดตั้งถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ เครื่องสูบก๊าซธรรมชาติ เครื่องทำไอก๊าซธรรมชาติ เครื่องสูบอัดก๊าซธรรมชาติ ต้องดำเนินการติดตั้งบนโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง ตามหลักการทางวิศวกรรม รวมถึงแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร +กำหนดให้การออกแบบอาคารคลุมสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ อาคารคลุมถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในสถานะก๊าซ หรือถังขนส่งก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในสถานะก๊าซและอาคารคลุมเครื่องสูบอัดก๊าซธรรมชาติ ต้องดำเนินการให้หลังคา ฝาหรือผนัง ต้องทำด้วยวัสดุก่อสร้างที่ไม่เป็นเชื้อเพลิง และต้องออกแบบให้มีการแพร่กระจายของก๊าซธรรมชาติได้สะดวก +6) กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง +(หมวด 5 อุปกรณ์ไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ระบบไฟฟ้า และระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าและหมวด 6 การทดสอบและตรวจสอบ ร่าง ข้อ 23 และ 24) +การกำหนดบริเวณอันตรายของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ การออกแบบ ติดตั้ง ระบบไฟฟ้า รวมถึงระบบป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่า ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด +การทดสอบและตรวจสอบถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ พื้นที่กักเก็บก๊าซธรรมชาติ อุปกรณ์และระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด +7) กำหนดมาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัย รวมถึงมาตรการควบคุมของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (หมวด 7 การป้องกันและระงับอัคคีภัย และหมวด 8 การควบคุม ร่างฯ ข้อ 25 - 36) +กำหนดให้สถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติต้องมีเครื่องดับเพลิงในแต่ละตำแหน่งและจำนวน ดังนี้ เช่น 1) บริเวณที่ตั้งสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติอย่างน้อย 2 เครื่อง 2) บริเวณที่ตั้งเครื่องสูบอัดก๊าซธรรมชาติอย่างน้อย 1 เครื่อง ต่อเครื่องสูบอัดก๊าซธรรมชาติ 1 เครื่อง และ 3) บริเวณจุดรับก๊าซธรรมชาติเหลวอย่างน้อย 2 เครื่อง ต่อจุดรับก๊าซธรรมชาติเหลว เป็นต้น และกำหนดให้ต้องมีการตรวจสอบเครื่องดับเพลิงดังกล่าวทุก 6 เดือน เป็นอย่างน้อย +กำหนดให้ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการมีหน้าที่ควบคุมดูแลไม่ให้มีการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดเปลวไฟหรือประกายไฟ รวมถึงต้องจัดให้มีป้ายข้อความหรือเครื่องหมายในบริเวณต่าง ๆ ของสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ให้มองเห็นได้ง่าย และชัดเจน เช่น “ห้ามสูบบุหรี่” “ห้ามก่อประกายไฟ” และ “ก๊าซไวไฟ” +กำหนดให้มีเครื่องส่งเสียงดังเมื่อมีก๊าซรั่วภายในสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ และกำหนดให้ต้องมีระบบปิดฉุกเฉินเพื่อปิดหรือตัดการจ่ายสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงกำหนดให้ต้องมีเครื่องตรวจจับการเกิดไฟพร้อมสัญญาณเตือนภัย +กำหนดให้ผู้รับอนุญาตประกอบกิจการต้องจัดให้มีป้ายแสดงขั้นตอนการรับหรือจ่ายก๊าซธรรมชาติจากถังขนส่งก๊าซธรรมชาติ +8) กำหนดวิธีการเลิกประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (หมวด 9 การเลิกประกอบกิจการสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ ร่างฯ ข้อ 37) +กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นเรื่องขอยกเลิกประกอบกิจการ และส่งผลการทดสอบและตรวจสอบ เช่น ถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ ระบบท่อก๊าซธรรมชาติ และอุปกรณ์หรือระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติ โดยอย่างน้อยต้องระบบได้ว่าถังและระบบต่าง ๆ ไม่มีก๊าซธรรมชาติค้างอยู่ พร้อมทั้งให้ยื่นเรื่องการแจ้งยกเลิกการประกอบกิจการและส่งต้นฉบับใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 ต่ออธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน +9) กำหนดบทเฉพาะกาล (หมวด 10 บทเฉพาะกาล ร่างฯ ข้อ 38 - 41) +กำหนดให้ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 สำหรับสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่ได้รับใบอนุญาตก่อนวันที่ร่างกฎกระทรวงสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้ให้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติเว้นไม่ต้องปฏิบัติร่างกฎกระทรวงดังกล่าว +เว้นแต่ในกรณี ดังต่อไปนี้ เข่น 1) การรับ จ่าย และใช้ก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการควบคุมดูแลระบบที่เกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ ต้องดำเนินการโดยผู้ปฏิบัติงานสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ 2) ถังขนส่งก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ในสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 สำหรับถังขนส่งก๊าซธรรมชาติด้วย และ 3) การห้ามเก็บวัตถุไวไฟหรือห้ามอยู่อาศัยภายในอาคารคลุมสถานีควบคุมก๊าซธรรมชาติ อาคารคลุมถังเก็บและจ่ายก๊าซธรรมชาติ โดยต้องดำเนินการให้ถูกต้องนับแต่วันที่ร่างกฎกระทรวงนี้มีผลบังคับใช้ +10) กำหนดวันที่มีผลบังคับใช้ +กำหนดให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้น 180 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา +ทั้งนี้ เนื่องจากก๊าซธรรมชาติถูกจัดให้เป็นวัตถุอันตรายตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535พน. จึงได้ออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมความปลอดภัยของก๊าซธรรมชาติภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535ประกอบกับมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว บัญญัติให้ในกรณีที่มีกฎหมายว่าด้วยการใดบัญญัติเรื่องใดไว้โดยเฉพาะแล้วให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น ต่อมาเมื่อพระราชบัญญัติควบคุมน้ำนั้นซื้อเพลิง พ.ศ. 2542 ที่มีผลใช้บังคับได้มีการกำหนดนิยามคำว่า “น้ำมันเชื้อเพลิง” ให้หมายรวมถึงก๊าซธรรมชาติด้วย ดังนั้น กฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงฯ จึงเป็นกฎหมายที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ (หมายความว่า เมื่อร่างกฎกระทรวงที่ พน. เสนอมีผลใช้บังคับแล้ว จะนำมาใช้แทนประกาศกระทรวงพลังงานตามข้อ 2 ที่ใช้กำกับดูแลสถานที่ใช้ก๊าซธรรมชาติอยู่เดิม โดยไม่มีผลเป็นการยกเลิกประกาศกระทรวงพลังงานดังกล่าวแต่อย่างใด) ประกอบกับ พน. อยู่ระหว่างดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิงฯ เพื่อนำมาใช้เป็นหลักเกณฑ์ควบคุมความปลอดภัยของก๊าซธรรมชาติ  และเมื่อ พน. ดำเนินการออกกฎหมายดังกล่าวแล้วเสร็จ จะได้มีการแก้ไขคำนิยามตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ และจะได้ยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมความปลอดภัยของก๊าซธรรมชาติภายใต้พระราชบัญญัติวัตถุอันตรายฯ ต่อไป +7. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ +สาระสำคัญของเรื่อง +1. ร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ออกโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 เพื่อกำหนดกิจการอื่นที่ไม่ต้องใช้บังคับพระราชบัญญัติดังกล่าว (นอกเหนือจากราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล ได้แก่ องค์การมหาชน และหน่วยงานของรัฐรูปแบบใหม่ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กองทุนประกันชีวิต และหน่วยงานที่ใช้อำนาจรัฐหรือเป็นกลไกของรัฐแต่ไม่เป็นองค์กรของรัฐ ได้แก่ สภาวิชาชีพที่มีสถานะเป็นนิติบุคคล และสถาบันภายใต้มูลนิธิ เช่น สถาบันอาหาร สถาบันยานยนต์ เป็นหน่วยงานที่ไม่ต้องใช้บังคับพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 แต่ต้องจัดให้มีมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในหน่วยงานของตนไม่ต่ำกว่ามาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เพื่อให้บุคลากรและผู้เกี่ยวข้องในหน่วยงานมีความปลอดภัยในการทำงานที่สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบันที่มีการนำเทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ สารเคมี รวมทั้งงานก่อสร้าง หรืองานบริการที่ส่งผลกระทบต่อบุคลากรซึ่งทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการทำงาน และอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการทำงานได้ และให้แต่ละหน่วยงานได้พิจารณาสภาพแวดล้อมในการทำงานและออกกฎหมายให้เหมาะสมกับหน่วยงานนั้น ๆ ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น การติดประกาศสัญลักษณ์อันตรายและเครื่องหมายเตือนเกี่ยวกับความปลอดภัย     เป็นต้น +2. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วเห็นชอบด้วยกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ เป็นการล่วงหน้าเสร็จแล้ว โดยแก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงเป็น “ร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอื่นที่ไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. ....” และได้แก้ไขรายชื่อกิจการตามบัญชีรายชื่อกิจการตามบัญชีท้ายร่างกฎกระทรวงฯ ให้เป็นไปตามการจำแนกประเภทหน่วยงานของรัฐในกำกับของฝ่ายบริหารตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 และวันที่ 1 มีนาคม 2565 โดยตัดหน่วยบริการรูปแบบพิเศษและนิติบุคคลเฉพาะกิจออกและปรับหัวข้อในบัญชีท้ายฯ บางส่วน ซึ่งยังคงสาระสำคัญเดิมไว้ เช่น สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ (เดิมใช้หัวข้อว่า “รายชื่อมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ซึ่งมีฐานะเป็นองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ”) +8. เรื่อง  ร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่..) พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา(ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้ +สาระสำคัญของเรื่อง +ร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 ที่ใช้บังคับมาเป็นเวลานาน และไม่สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน กล่าวคือ เดิมกฎกระทรวงฯ ได้กำหนดห้ามมิให้นักเรียน และนักศึกษา ซื้อ จำหน่าย แลกเปลี่ยน เสพสุราหรือสิ่งมึนเมา บุหรี่ หรือยาเสพติด หากแต่ปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของสารเสพติดชนิดอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ไฟฟ้า บารากู่ไฟฟ้า หรือวัตถุออกฤทธิ์อื่น ๆ ซึ่งเป็นภัยคุกคามและส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านสติปัญญา และอารมณ์ของเด็กและเยาวชน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้เพื่อปรับปรุงแก้ไขในรายละเอียดโดยเพิ่มเติมลักษณะของการกระทำที่ต้องห้าม เช่น แจกให้ส่งมอบ มีไว้เพื่อขาย สูบ ครอบครอง หรือการกระทำอื่นใดในลักษณะเดียวกัน และเพิ่มเติมสิ่งเสพติดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า บารากู่ไฟฟ้า วัตถุออกฤทธิ์อื่นใดตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เช่น อัลปราโซแลม (นำไปเสพร่วมกับยาน้ำแก้ไอ น้ำใบกระท่อมต้ม) โดยหากนักเรียนหรือนักศึกษาฝ่าฝืนข้อห้ามดังกล่าวจะมีบทลงโทษตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 ซึ่งมี 4 สถาน ได้แก่ 1) ว่ากล่าวตักเตือน 2) ทำทัณฑ์บน 3) ตัดคะแนนความประพฤติ และ 4) ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งนี้ การกำหนดเพิ่มเติมดังกล่าวจะทำให้อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้า บารากู่ไฟฟ้า หรือวัตถุออกฤทธิ์อื่นใดของนักเรียนและนักศึกษาลดน้อยลงซึ่งจะเกิดผลกระทบเชิงบวกต่องบประมาณด้านสาธารณสุขลดภาระงบประมาณด้านการรักษาพยาบาล รวมถึงจะทำให้นักเรียนและนักศึกษาห่างไกลจากสิ่งเสพติดและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรมกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นชอบหรือไม่ขัดข้องในหลักการ +9. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ +สาระสำคัญของเรื่อง +โดยที่มาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาลเฉพาะในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดี องค์กรควบคุมการประกอบวิชาชีพ หน่วยงานอิสระของรัฐและหน่วยงานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่โดยที่ปัจจุบันได้มีการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐในรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ประกอบกับความหมายตามบทนิยามดังกล่าวมีความหมายค่อนข้างแคบ เนื่องจากอ้างอิงมาจากการจัดรูปแบบหน่วยงานของรัฐในอดีต จึงส่งผลให้เกิดปัญหาการตีความว่ามหาวิทยาลัยของรัฐที่ออกนอกระบบ องค์กรมหาชน รวมทั้งกองทุนต่าง ๆ ที่รัฐตั้งขึ้นนั้น อาจไม่อยู่ภายใต้คำนิยามหรือภายใต้บังคับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติดังกล่าวที่ต้องการให้การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารฯมาเพื่อดำเนินการ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ 1) องค์การมหาชนตามกฎหมายว่าด้วยองค์การมหาชนเช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน) และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) 2) หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะที่เป็นองค์การมหาชนตามมติคณะรัฐมนตรีตามข้อเสนอของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข และสถาบันอนุญาโตตุลาการ 3) สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการแต่อยู่ในกำกับของรัฐ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ 4) หน่วยธุรการขององค์การของรัฐที่เป็นอิสระ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงและรับทราบข้อมูลข่าวสารที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานดังกล่าว ประกอบกับคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงดังกล่าว +10. เรื่อง  ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ +สาระสำคัญของเรื่อง +1. มท. ได้รับรายงานจากกรมโยธาธิการและผังเมืองว่าได้ดําเนินการวางและจัดทําผังเมืองรวมชุมชนวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ในท้องที่ตําบลวัฒนานคร และตําบลห้วยโจด อําเภอวัฒนานครจังหวัดสระแก้ว ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 โดยเป็นผังพื้นที่เปิดใหม่ เพื่อสอดคล้องกับนโยบายและมาตรการในการส่งเสริมและพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมให้สอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนและระบบเศรษฐกิจ ส่งเสริมและพัฒนาชุมชนวัฒนานครให้เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาด้านการค้า และการบริการ รวมทั้งการสงวนและรักษาพื้นที่เกษตรกรรม +2. ในการประชุมคณะกรรมการผังเมือง (ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518) ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2560 ได้มีมติเห็นชอบผังเมืองรวมดังกล่าว และนําไปปิดประกาศเพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียแสดงข้อคิดเห็นปรากฏว่าไม่มีผู้มีส่วนได้เสีย ยื่นคําร้อง +3. ต่อมาได้มีการประกาศใช้บังคับพระราชบัญญัติการผังเมืองพ.ศ. 2562 โดยมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าว บัญญัติให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการผังเมืองพ.ศ. 2518 ทั้งฉบับ และได้แก้ไขรูปแบบการประกาศใช้บังคับกฎหมายในส่วนของผังเมืองรวมที่กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้วางและจัดทําผังขึ้นใหม่ โดยให้ดําเนินการประกาศใช้บังคับเป็นประกาศกระทรวงมหาดไทย (เดิมประกาศใช้บังคับเป็นกฎกระทรวง) ประกอบกับมาตรา 110 แห่งพระราชบัญญัติการผังเมืองฯ บัญญัติให้บรรดาผังเมืองรวมที่อยู่ระหว่างดําเนินการวางและจัดทําตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติมในวันก่อนวันที่พระราชบัญญัติ การผังเมือง พ.ศ. 2562 ใช้บังคับการดําเนินการต่อไปสําหรับการนั้นให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการผังเมืองกําหนด และในการประชุมคณะกรรมการผังเมือง ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้ผังเมืองรวมที่กรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นผู้วางและจัดทําผัง ซึ่งคณะกรรมการผังเมือง  (ตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2518) ได้ให้ความเห็นชอบแล้วและอยู่ในขั้นตอนการยกร่างกฎหมายให้ดําเนินการออกเป็นประกาศกระทรวงมหาดไทยเพื่อใช้บังคับต่อไป +4. ร่างประกาศดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตําบล  วัฒนานคร ตําบลห้วยโจด อําเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว มีพื้นที่รวมทั้งหมด 67.81 ตารางกิโลเมตรมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดํารงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในที่ดิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ และสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีนโยบายและมาตรการเพื่อจัดระบบการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายคมนาคมขนส่งและบริการสาธารณะให้มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับและสอดคล้องกับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจ โดยมีสาระสําคัญดังต่อไปนี้ +4.1 ส่งเสริมและพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมให้สอดคล้องกับ การขยายตัวของชุมชนและระบบเศรษฐกิจ +4.2 ส่งเสริมและพัฒนาชุมชนวัฒนานครให้เป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา ด้านการค้าและการบริการและเหมาะสมกับศักยภาพของพื้นที่ +4.3 บริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ +4.4 ส่งเสริมและพัฒนาการบริการทางสังคม การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการให้เพียงพอและได้มาตรฐาน +4.5 สงวนและรักษาพื้นที่เกษตรกรรม +4.6 อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม +5. กําหนดประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินออกเป็น 12 ประเภท ดังนี้ +ประเภท +วัตถุประสงค์ +1. ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย (สีเหลือง) +เป็นพื้นที่รอบนอกชุมชนเมืองต่อจากพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลางและพื้นที่พาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยที่เบาบาง เพื่อรองรับการขยายตัวของการอยู่อาศัย ที่มีสภาพแวดล้อมที่ดีรวมทั้งรองรับการขยายตัวด้านการอยู่อาศัยในอนาคต ซึ่งมีการก่อสร้างอาคารอยู่อาศัยได้หลายประเภทเช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ห้องแถว ตึกแถว บ้านแถว โดยมีข้อจํากัดเรื่องขนาดของอาคาร ซึ่งต้องไม่ใช่อาคารขนาดใหญ่ +2. ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัย หนาแน่นปานกลาง (สีส้ม) +เป็นพื้นที่บริเวณต่อเนื่องกับพื้นที่พาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก +มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลางในการรองรับ +การอยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ต่อเนื่องกับย่านพาณิชยกรรมมีการก่อสร้างอาคารอยู่อาศัยได้ทุกประเภท เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ห้องแถว ตึกแถว +บ้านแถว หอพัก อาคารชุด อาคารอยู่อาศัยรวม โดยมีข้อจํากัดเรื่องขนาด +ของอาคารต้องไม่ใช่อาคารขนาดใหญ่พิเศษ +3. ที่ดินประเภทพาณิชยกรรม และที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก +(สีแดง) +เป็นพื้นที่ศูนย์กลางด้านพาณิชยกรรมของชุมชน มีวัตถุประสงค์ +เพื่อเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมและการบริการของชุมชนเพื่อรองรับการประกอบกิจกรรมทางธุรกิจ การค้า การบริการที่ให้บริการ +แก่ประชาชน รวมทั้งกําหนดให้เป็นที่อยู่อาศัยหนาแน่นมากเพื่อรองรับการประกอบกิจการดังกล่าวและการอยู่อาศัยในเขตชุมชน +4. ที่ดินประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า (สีม่วง) +เป็นอุตสาหกรรมที่กําหนดให้อยู่นอกชุมชน พื้นที่ราบ และอยู่ในบริเวณ +ที่สะดวกแก่การสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ การคมนาคมและขนส่ง +มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประกอบอุตสาหกรรมได้ทุกชนิดและประเภท ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพการทางเศรษฐกิจและการลงทุน ภาคเอกชนหรือนโยบายของรัฐบาล มีมาตรการคุ้มครองพื้นที่ต่อเนื่องกับเขตอุตสาหกรรม ซึ่งกําหนดให้มีที่ว่างโดยรอบภายในแนวเขตของที่ดินประเภทนี้ไม่น้อยกว่า 12 เมตร เว้นแต่เป็นการก่อสร้างเพื่อการคมนาคมเพื่อเป็นแนวป้องกันพื้นที่อื่นโดยรอบพื้นที่อุตสาหกรรม +5. ที่ดินประเภทคลังสินค้า (สีเม็ดมะปราง) +เป็นพื้นที่สําหรับคลังสินค้าที่มีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่เพื่อจัดเก็บสิ่งของเป็นจํานวนมาก รวมถึงการใช้พื้นที่เป็นลานโล่งเพื่อจัดเก็บกล่องพัสดุขนาดใหญ่ซึ่งมีเฉพาะพื้นที่ที่มีบทบาทพิเศษ กล่าวคือเป็นเมืองศูนย์กลางขนส่งทางบก ทางอากาศ และเป็นพื้นที่ที่มีการคมนาคม สะดวก ซึ่งอยู่ใกล้กับทางรถไฟสายตะวันออก และสนามบินวัฒนานคร มีมาตรการคุ้มครองพื้นที่ต่อเนื่องกับเขตคลังสินค้าซึ่งกําหนดให้มีที่ว่าง โดยรอบภายในแนวเขตของที่ดินประเภทนี้ไม่น้อยกว่า 12 เมตร เว้น แต่เป็นการก่อสร้างเพื่อการคมนาคม เพื่อเป็นแนวป้องกันพื้นที่อื่นโดยรอบพื้นที่นี้ +6. ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) +มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เช่น การทํานาทําไร่ เลี้ยงสัตว์ +การสงวนรักษาพื้นที่เกษตรกรรม +7. ที่ดินประเภทปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สีเขียวมีกรอบและเส้นทแยงสีน้ำตาล) +เป็นพื้นที่เขตดําเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม +8. ที่ดินประเภทที่โล่ง +เพื่อนันทนาการและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สีเขียวอ่อน) +เป็นพื้นที่โล่งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสงวนไว้เป็นที่โล่งสําหรับนันทนาการ การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสาธารณประโยชน์ กรณีที่ดินซึ่งเป็นของรัฐ ได้แก่ สวนสาธารณะเทศบาลตําบลวัฒนานคร สําหรับกรณีที่ดิน ซึ่งเอกชน +เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้กำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ดินในบริเวณแนวขนานระยะ 30 เมตร +กับริมฝั่งแหล่งน้ำ โดยให้ใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างจํากัด +9 ที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้ +(สีเขียวอ่อนมีเส้นทแยงสีขาว) +เป็นพื้นที่ตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ และพื้นที่ของเอกชนที่เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายซึ่งอยู่ในบริเวณดังกล่าว กรณีที่ดินของป่าไม้มีวัตถุประสงค์ให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการสงวนและคุ้มครองดูแลรักษาหรือบํารุงป่าไม้ สัตว์ป่า ต้นน้ำ ลําธาร และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ +ตามมติคณะรัฐมนตรี และกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ การสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า และการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ สําหรับที่ดินซึ่งเอกชนเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายกําหนดให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อให้สอดคล้องกับป่าไม้ โดยมีการผ่อนปรนให้ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการดํารงอยู่ได้ เช่น การอยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ซึ่งมิใช่การจัดสรร และมีข้อจำกัดเรื่องความสูงและขนาดของอาคารต้องไม่ใช่อาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ +10. ที่ดินประเภทสถาบันการศึกษา (สีเขียวมะกอก) +มีวัตถุประสงค์เพื่อกําหนดพื้นที่ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาตามการใช้ +ประโยชน์ที่ดินในปัจจุบัน เช่น มหาวิทยาลัยบูรพาวิทยาเขตสระแก้ว โรงเรียนบ้านเนินผาสุก โรงเรียนอนุบาลศรีวัฒนาวิทยา โรงเรียนวัฒนานคร +11. ที่ดินประเภทสถาบันศาสนา (สีเทาอ่อน) +มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่สถาบันศาสนาตามการใช้ประโยชน์ที่ดิน +ในปัจจุบัน เช่น วัดหนองคุ้ม วัดสุธรรมาวาส วัดนครธรรม +12. ที่ดินประเภทสถาบันราชการการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ (สีน้ำเงิน) +มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นสถาบันราชการ การดําเนินกิจการของรัฐ +ที่เกี่ยวกับการสาธารณูปโภค สาธารณูปการหรือสาธารณประโยชน์ +เช่น ที่ว่าการอําเภอวัฒนานคร หมวดการทางวัฒนานคร (แขวงการทางสระแก้ว) สถานีรถไฟวัฒนานคร สํานักงานเทศบาลตําบลวัฒนานคร +6. กําหนดประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ให้ดําเนินการได้ในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย (สีเหลือง) ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง (สีส้ม) ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก (สีแดง) ที่ดินประเภทคลังสินค้า (สีม่วง) ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) ตามบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ที่ดินแต่ละประเภท +7. กําหนดการใช้ที่ดินในบริเวณแนวถนนสาย ก 1 ถนนสาย ก 2 ถนนสาย ก 3 ถนนสาย ก 4  ถนนสาย ข ถนนสาย ค 1 ถนนสาย ค 2 ถนนสาย ค 3 ถนนสาย ค 4 ถนนสาย ค 5 ถนนสาย ง 1 และถนนสาย ง 2 ตามแผนผังแสดงโครงการคมนาคมและขนส่งท้ายประกาศ โดยให้ใช้ประโยชน์เพื่อกิจการตามที่กําหนดดังต่อไปนี้ +7.1 การสร้างถนนหรือเกี่ยวข้องกับถนน และการสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ +7.2 การสร้างรั้วหรือกําแพง +7.3 เกษตรกรรมหรือเกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมที่มีความสูงของอาคารไม่เกิน 9 เมตร หรือไม่ใช่อาคารขนาดใหญ่ +11. เรื่อง  ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอและให้ดำเนินการต่อไปได้ +สาระสำคัญของเรื่อง +1. สืบเนื่องมาจากมาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 บัญญัติให้อัตราเงินเดือนข้าราชการตำรวจ อัตราเงินประจำตำแหน่งและการรับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจให้เป็นไปตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ ข้าราชการตำรวจตำแหน่งใดจะได้รับเงินประจำตำแหน่งท้ายพระราชบัญญัตินี้ในอัตราใด ให้เป็นไปตามกำหนดในพระราชกฤษฎีกา จึงต้องมีการตราพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจใหม่ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามความในมาตรา 98 แห่ง พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 +2.ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทตำแหน่งและการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ ให้ครอบคลุมกับกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบัน เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการประเภทอื่น และเพื่อให้เป็นไปตามความในมาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ +2.1 เพิ่มสายงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ (วช.) จำนวน 5 สายงาน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 28 สายงาน ได้แก่ (1) วิชาชีพเฉพาะกายอุปกรณ์ (2) วิชาชีพเฉพาะกิจกรรมบำบัด (3) วิชาชีพเฉพาะเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก (4) วิชาชีพเฉพาะแพทย์แผนไทย (5) วิชาชีพเฉพาะเวชศาสตร์การสื่อความหมาย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการปรับปรุงภารกิจที่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพเฉพาะดังกล่าวในอนาคตและเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกับ กฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทหาร พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม +2.2 เพิ่มลักษณะงานเชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ (ชช.) จำนวน 2 ด้าน จากเดิมที่เคยมีอยู่ 46 ด้าน ได้แก่ +2.2.1 ด้านการสืบสวนสอบสวน เพื่อให้สอดคล้องกับสายงานสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทหาร พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม +2.2.2 ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดลักษณะงานบริหารของ ตร. ซึ่งมีลักษณะการทำงาน ดังนี้ +(1) งานด้านความมั่นคง ได้แก่ ความมั่นคงต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินีพระรัชทายาทฯ (สถาบันพระมหากษัตริย์) ความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร เช่น การถวายความปลอดภัยการปฏิบัติงานเกี่ยวกับความมั่นคงชายแดน การรักษาความสงบเรียบร้อยด้านการชุมนุมการเดินขบวน การต่อต้านการก่อการร้ายสากล การป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ +(2) งานด้านกิจการพิเศษ ได้แก่ งานโครงการในพระราชดำริ การอำนวยการจราจรและสัญจรของประชาชน การบรรเทาสาธารณภัย และการต่างประเทศตลอดจนความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น การปฏิบัติหน้าที่งานตามโครงการพระราชดำริ การอำนวยการ ควบคุม กำกับดูแล และสั่งการเกี่ยวกับการจราจรทั่วประเทศ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านการจราจร การปฏิบัติงานการต่างประเทศ และตำรวจสากล กิจการตำรวจที่เกี่ยวข้องกับประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) และการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวตามอำนาจหน้าที่ +2.2.3 กำหนดให้ข้าราชการตำรวจซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารของสถาบันการศึกษาของ ตร. ที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญา ที่กำหนดให้เป็นตำแหน่งประเภทวิชาการอีกประเภทหนึ่ง ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหารโดยไม่ตัดสิทธิการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการตามตำแหน่งวิชาการที่ตนครองอยู่เพื่อให้สอดคล้องกับข้าราชการทหารและข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ทั้งนี้ ในส่วนของสถาบันการศึกษาที่จัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาในสังกัด ตร. ได้แก่ โรงเรียนนายร้อยตำรวจและวิทยาลัยพยาบาลตำรวจ +2.2.4 กำหนดบทเฉพาะกาล ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งดำรงตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งอยู่ก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้ยังคงได้รับเงินประจำตำแหน่งในอัตราของตำแหน่งนั้นต่อไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง +3. ตร. ได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงิน การคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว และรายงานว่า การตราพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ +12. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการตรวจการยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งต่อสหภาพยุโรปเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  มีผลใช้บังคับ เพื่อให้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ-ปาสเซที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารเดินทางที่สมบูรณ์มีผลใช้บังคับต่อไป +สาระสำคัญของเรื่อง +1. โดยที่ปัจจุบันบุคลากรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสหภาพยุโรปต้องใช้หนังสือเดินทางของประเทศตนเองในการตรวจลงตราหนังสือเดินทางประเภททูต ประเภทราชการและประเภทอัธยาศัยไมตรี เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการทูตหรือกงสุล หรือการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ หรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. 2545ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาเห็นว่า หากกำหนดให้มีหนังสือเดินทางสหภาพยุโรปเป็นการเฉพาะเพื่อใช้สำหรับการตรวจลงตราประเภททูต ประเภทราชการ และประเภทอัธยาศัยไมตรีได้นั้น จะเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่บุคลากรของสหภาพยุโรปเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในทางการทูตหรือกงสุล หรือการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ หรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่งได้อย่างประสิทธิภาพ เช่น การเข้ามาในประเทศไทยโดยเป็นแขกของรัฐบาลหรือพระราชอาคันตุกะ ฯลฯ ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับสหภาพยุโรปว่าด้วยการยอมรับแลสเซ-ปาสเซ (Laissez-Passer) ที่ออกโดยสหภาพยุโรปว่าเป็นเอกสารการเดินทางที่สมบูรณ์ซึ่งรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ได้ลงนามในความตกลงฯ ดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 กระทรวงการต่างประเทศจึงได้เสนอขอแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา    พ.ศ. 2545 มาเพื่อดำเนินการ เพื่อกำหนดให้หนังสือเดินทางสหภาพยุโรปใช้เป็นเอกสารในการตรวจลงตราประเภททูต ประเภทราชการและประเภทอัธยาศัยไมตรี ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นแบบแผนเดียวกัน อันทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานไทยเกี่ยวกับการตรวจลงตราในหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป และพิธีการตรวจคนเข้าเมืองของผู้ถือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรปมีความชัดเจน รวมทั้งจะช่วยเพิ่มการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรปและอำนวยความสะดวกให้เกิดการเยือนระดับสูง การแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ และการหารือความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น +2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทตรวจลงตรา พ.ศ. 2545 โดยปรับเพิ่มเฉพาะถ้อยคำว่า “หรือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป” และ “หรือหน่วยงานสหภาพยุโรป” เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงฯ ดังนี้ +กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. 2545 +ร่างกฎกระทรวงฯ ที่ สคก. ตรวจเสร็จแล้ว +ข้อ 3 การตรวจลงตราประเภททูต +ให้จำกัดเฉพาะการขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ +(1) การปฏิบัติหน้าที่ทางทูตหรือกงสุล +(2) การปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ +ข้อ 3 วรรคสอง +“ทั้งนี้ ให้ผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางทูตยื่นขอรับการตรวจลงตราต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย พร้อมกับหนังสือขอรับการตรวจลงตราสำหรับผู้นั้นจากกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศผู้ถือหนังสือเดินทางทูตหรือองค์การหรือหน่วยงานสหประชาชาติ แล้วแต่กรณี” +ㆍ ให้ยกเลิกความในวรรคสองของข้อ 3 แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. 2545 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน +“ทั้งนี้ ให้ผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางทูต +หรือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป ยื่นขอรับการตรวจลงตราต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย พร้อมกับหนังสือขอรับการตรวจลงตราสำหรับผู้นั้นจากกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูต หรือสถานกงสุลของประเทศผู้ถือหนังสือเดินทางทูต องค์การหรือหน่วยงานสหประชาชาติ หรือหน่วยงานสหภาพยุโรป แล้วแต่กรณี” +(เหตุผล : เพิ่มหนังสือทางสหภาพยุโรป และหน่วยงานสหภาพยุโรป เพื่อให้บุคลากรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสหภาพยุโรป สามารถใช้หนังสือทางสหภาพยุโรปตรวจลงตราเข้ามาในประเทศไทยได้ อีกทั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงฯ ด้วย) +ข้อ 4 การตรวจลงตราประเภทราชการ +การตรวจลงตราประเภทราชการ ให้จำกัดเฉพาะการขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการโดยผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางราชการต้องยื่นขอรับการตรวจลงตราต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย พร้อมกับหนังสือขอรับการตรวจลงตราสำหรับผู้นั้นจากกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูต หรือสถานกงสุลของประเทศผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ หรือองค์การหรือหน่วยงานสหประชาชาติแล้วแต่กรณี +ㆍให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งกฎกระทรวงกำหนด +หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. 2545 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน +ข้อ 4 การตรวจลงตราประเภทราชการ ให้จำกัดเฉพาะการขอรับการตรวจลงตราเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการ โดยผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ หนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางราชการ หรือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป ต้องยื่นขอรับการตรวจลงตราต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทย พร้อมกับหนังสือขอรับการตรวจลงตราสำหรับผู้นั้น จากกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูต หรือสถานกงสุลของประเทศผู้ถือหนังสือเดินทางราชการ องค์การหรือหน่วยงานสหประชาชาติ หรือหน่วยงานสหภาพยุโรป +(เหตุผล : เพิ่มหนังสือทางสหภาพยุโรป และหน่วยงานสหภาพยุโรป เพื่อให้บุคลากรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสหภาพยุโรป สามารถใช้หนังสือทางสหภาพยุโรปตรวจลงตราเข้ามาในประเทศไทยได้ อีกทั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลงฯ ด้วย) +ข้อ 10 การตรวจลงตราประเภทอัธยาศัยไมตรี +ให้จำกัดเฉพาะการขอรับการตรวจลงตราเข้ามา +ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อปฏิบัติการ +อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ +ข้อ 10 (1) “การขอรับการตรวจลงตราของผู้ถือ +หนังสือเดินทางทูต หรือหนังสือเดินทางราชการ +หรือหนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการ เพื่อการอื่น นอกจากที่ระบุในข้อ 3 (1) หรือ (2) หรือข้อ 4” +ㆍให้ยกเลิกความใน (1) ของข้อ 10 แห่งกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. 2545 และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน +“(1) การขอรับการตรวจลงตราของผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ หนังสือเดินทางสหประชาชาติที่เทียบเท่าหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการ หรือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรป เพื่อการอื่นนอกจากที่ระบุในข้อ 3 (1) หรือ (2) หรือข้อ 4” +(เหตุผล : เพิ่มหนังสือทางสหภาพยุโรป เพื่อให้บุคลากรซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสหภาพยุโรป สามารถใช้หนังสือทางสหภาพยุโรปตรวจลงตราเข้ามาในประเทศไทยได้ อีกทั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับความ +ตกลงฯ ด้วย) +ทั้งนี้ ผู้ถือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรปสามารถยื่นขอรับการตรวจลงตราตามบทบาทและหน้าที่และวัตถุประสงค์ของการพำนักในประเทศไทย แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ (ก.) ประเภททูต (ข.) ประเภทราชการ และ (ค.) ประเภทอัธยาศัยไมตรี โดยจะบังคับใช้กับบุคคลในครอบครัวที่ถือหนังสือเดินทางสหภาพยุโรปด้วย +เศรษฐกิจ – สังคม +13. เรื่อง การทบทวนหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนหลักการฯ ตามข้อ 2 ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ +สาระสำคัญของเรื่อง +1. เหตุผลความจำเป็นที่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรี +คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ลงมติเห็นชอบหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล (หลักการฯ) โดยให้มีวงเงินที่ใช้ในการสนับสนุนโครงการสลากการกุศลรวมไม่เกินครั้งละ10,000 ล้านบาท และการพิจารณาออกสลากการกุศลในครั้งถัดไปจะดำเนินการภายหลังจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (สำนักงานสลากฯ) ออกสลากการกุศลครบวงเงินตามโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติครั้งก่อน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 และเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ลงมติเห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ขอรับการสนับสนุนเงินจากโครงการสลากการกุศล รวมจำนวน 30 โครงการ วงเงิน 9,999.03 ล้านบาท โดยมอบหมายให้สำนักงานสลากฯ ดำเนินการออกสลากการกุศล ซึ่งปัจจุบันสำนักงานสลากฯ ดำเนินการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการสลากการกุศลข้างต้นเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 ดังนั้น เพื่อให้การพิจารณาและการติดตามการออกสลากการกุศลครั้งต่อไปเป็นไปอย่างเหมาะสม มีความรอบคอบ ชัดเจนยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงในปัจจุบัน จึงเห็นควรทบทวนหลักการฯ สำหรับการออกสลากการกุศลครั้งต่อไปเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา +2. สาระสำคัญและข้อเท็จจริง +เนื่องจากสำนักงานสลากฯ ได้ดำเนินการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการสลากการกุศลตามมติคณะรัฐมนตรีตามข้อ 1 เสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567 และเพื่อให้การพิจารณาและการติดตามการออกสลากการกุศลครั้งต่อไปเป็นไปอย่างเหมาะสม มีความรอบคอบ ชัดเจนยิ่งขึ้นและสอดคล้องกับสถานการณ์และข้อเท็จจริงในปัจจุบัน จึงเห็นควรเสนอทบทวนหลักการฯ ดังนี้ +2.1 ให้องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เช่นเดิม +2.2 ให้มีการทบทวนหลักเกณฑ์และแนวทางในการพิจารณาการออกสลากการกุศล (หลักเกณฑ์ฯ) เป็นดังนี้ +2.2.1 ประเภทของหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน ต้องเป็นหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 หรือมูลนิธิที่ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร +2.2.2 ลักษณะของโครงการที่ขอรับการสนับสนุน +1) เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา การสาธารณสุขหรือการลดความเหลื่อมทางสังคม รวมถึงเป็นโครงการที่ก่อประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมอย่างทั่วถึงในวงกว้าง +2) เป็นโครงการที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐ หรือได้รับการจัดสรรแต่ไม่เพียงพอ และไม่มีการดำเนินงานซ้ำซ้อนกับโครงการที่เสนอขอรับเงินงบประมาณจากภาครัฐทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมทั้งไม่มีลักษณะเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อใช้ในการบริหารจัดการหรือดำเนินกิจกรรมส่งเสริมทั่วไป +3) เป็นโครงการที่ไม่ได้รับการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศล  มาก่อน +2.2.3 การพิมพ์สลากการกุศลกำหนดให้ไม่เกินจำนวน งวดละ 11 ล้านฉบับ +2.2.4 วงเงินที่จะให้การสนับสนุนโครงการต้องไม่เกินโครงการละ 1,000 ล้านบาท และการพิจารณาสนับสนุนโครงการที่ขอออกสลากการกุศลจะต้องมีวงเงินรวมไม่เกิน 10,000 ล้านบาท +2.2.5 การพิจารณาออกสลากการกุศลในครั้งถัดไป จะดำเนินการภายหลังจากสำนักงานสลากฯ ออกสลากการกุศลครบวงเงินตามโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติครั้งก่อนโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี +2.2.6 รายละเอียดข้อเสนอโครงการที่ขอรับการสนับสนุน อย่างน้อยต้องประกอบด้วยความเป็นมาของโครงการ เหตุผลความจำเป็น วัตถุประสงค์ เป้าหมาย รวมถึงผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์ของโครงการที่สะท้อนถึงประโยชน์ต่อประชาชนและสังคมอย่างทั่วถึงในวงกว้าง แผนการดำเนินงาน ผลประกอบการและการวิเคราะห์สถานะทางการเงินของหน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุน ตัวชี้วัดความสำเร็จของการดำเนินโครงการและแนวทางการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของโครงการ เป็นต้น +2.2.7 การกำกับและติดตามโครงการสลากการกุศล +1) หน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศลต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การกำกับและติดตามโครงการสลากการกุศลหรือตามแนวทางการกำกับและติดตามโครงการสลากการกุศลอื่นใด ตามที่คณะกรรมการฯ กำหนด +2) ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจในการกำหนดระยะเวลาผูกพันวงเงิน ขยายระยะเวลาผูกพันวงเงิน หรือขยายระยะเวลาดำเนินการตามแผนเบิกจ่ายตามเหตุผลความจำเป็นแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ หากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการดังกล่าวไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณายกเลิกการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศลให้โครงการดังกล่าว +ทั้งนี้ หากประเภทของหน่วยงานหรือลักษณะโครงการที่ขอรับการสนับสนุนแตกต่างจากหลักเกณฑ์และแนวทางในการพิจารณาดังกล่าวข้างต้น ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาเหตุผลและ  ความจำเป็นเสนอกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรี +2.3 ช่องทางการยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศล +2.3.1 ให้มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่กำหนดระยะเวลาการยื่นข้อเสนอขอรับการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศลและหลักเกณฑ์ฯ บนเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และสำนักงานสลากฯ +2.3.2 หน่วยงานที่ประสงค์ขอรับการสนับสนุนเงินจากการออกสลากการกุศล  ยื่นข้อเสนอที่ สคร. +2.4 การเปิดเผยโครงการที่ได้รับการสนับสนุน +ให้มีการประชาสัมพันธ์เผยแพร่รายชื่อหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุน ชื่อโครงการและวงเงินที่ได้รับการสนับสนุน บนเว็บไซต์ของ สคร. และสำนักงานสลากฯ +2.5 สัดส่วนการจัดสรรรายได้จากการจำหน่ายสลากการกุศล +2.5.1 ร้อยละ 60 เป็นเงินรางวัล +2.5.2 ไม่เกินกว่าร้อยละ 22.5 เป็นเงินรายได้ที่ให้กับหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุน +2.5.3 ร้อยละ 0.5 เป็นค่าภาษีการพนัน +2.5.4 ไม่เกินกว่าร้อยละ 17 เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายสลากการกุศลด้วย +กรณีมีเงินคงเหลือภายหลังจากการจัดสรรการสนับสนุนโครงการสลากการกุศลให้สำนักงานสลากฯ นำส่งเงินดังกล่าวคืนเป็นรายได้แผ่นดิน +ประโยชน์และผลกระทบ +การดำเนินการโครงการสลากการกุศลจะช่วยสนับสนุนโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาด้านการศึกษา การสาธารณสุข หรือการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมอย่างทั่วถึงในวงกว้าง ที่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากภาครัฐหรือได้รับการจัดสรรแต่ไม่เพียงพอ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินเพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าวได้อย่างทันท่วงทีซึ่งจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น +14. เรื่อง การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้ +1. อนุมัติการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและขอปรับกรอบวงเงินโครงการระบบรถไฟชานเมือง         สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต – มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต (โครงการ) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดังนี้ +รายละเอียด +มติคณะรัฐมนตรี +(26 กุมภาพันธ์ 2562) +คค. เสนอในครั้งนี้ +กรอบวงเงิน +6,570.40 ล้านบาท +(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) +6,473.98 ล้านบาท +(รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) +(ลดลง 96.42 ล้านบาท) +ระยะเวลาโครงการ +5 ปี +4 ปี +โดยให้ รฟท. ดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) หรือที่ประกาศใช้ล่าสุด +2. อนุมัติรายละเอียดอื่นที่มิได้มีการเปลี่ยนแปลง ให้ยึดถือตามมติคณะรัฐมนตรีเดิมเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 +สาระสำคัญของเรื่อง +1. เดิมคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (26 กุมภาพันธ์ 2562) อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต (โครงการฯ) ในกรอบวงเงิน 6,570.4 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7) ระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี อย่างไรก็ตาม โดยที่ขณะนั้น พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ได้มีผลบังคับใช้กระทรวงคมนาคม (คค.) จึงได้มีนโยบายให้ รฟท. ทบทวนแนวทางการลงทุนโครงการฯ โดยพิจารณาการให้เอกชนร่วมลงทุนตามขั้นตอนของกฎหมายดังกล่าวก่อน รฟท. จึงศึกษาแนวทางการลงทุนใหม่ และได้เปลี่ยนรูปแบบการลงทุนจากเดิมรัฐเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด เป็นรัฐลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานและงานระบบไฟฟ้า ส่วนเอกชนลงทุนในส่วนของการจัดซื้อขบวนรถไฟฟ้าและงานให้บริการเดินรถพร้อมการบำรุงรักษา ส่งผลให้โครงการฯ เกิดความล่าช้า และกรอบวงเงินของโครงการฯ ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยค่างานโยธาและระบบรางเพิ่มขึ้นจากเดิม 3,874.29 ล้านบาทเป็น 4,060.80 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 186.51 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม โดยที่ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าจ้างที่ปรึกษาต่าง ๆ ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ค่าเวนคืนที่ดิน มีค่าใช้จ่ายที่ลดลง ส่งผลให้กรอบวงเงินรวมของโครงการฯ ลดลง จากเดิม 6,570.4 ล้านบาท เป็น 6,473.98 ล้านบาท (ลดลง 96.42 ล้านบาท) คค. จึงเสนอขอปรับลดกรอบวงเงินรวมของโครงการมาในครั้งนี้ ตลอดจนขอปรับระยะเวลาโครงการฯ จากเดิม 5 ปีเป็น 4 ปี ทั้งนี้ กระทรวงการคลังสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่ขัดข้องต่อการปรับกรอบวงเงินโครงการดังกล่าว +2. เดิมโครงการฯ มีแผนจะเริ่มการก่อสร้างประมาณเดือนสิงหาคม 2562 ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2565 และจะเปิดให้บริการประชาชนได้ในเดือนตุลาคม 2565 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้โครงการดังกล่าวมีความล่าช้าไปจากแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ข้างต้น จึงเห็นควรให้ คค. กำกับการดำเนินงานโครงการฯให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อให้โครงการฯ สามารถเปิดให้บริการได้ในปี 2571 ตามที่กำหนดในแผนงาน ตลอดจนให้ คค. บริหารจัดการโครงการฯให้อยู่ภายในกรอบวงเงินที่ได้ขอปรับลดลงด้วย +ประโยชน์จากการก่อสร้างโครงการฯ +โครงการฯ เป็นส่วนต่อขยายโครงข่ายจากโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ - รังสิต ที่จะรองรับและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่อยู่ในจังหวัดปทุมธานีในการเข้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางและแบ่งเบาภาระการจราจรทางถนนในการรับส่งประชาชนที่มาจากชานเมืองได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพของระบบขนส่งทางรถไฟในกรุงเทพมหานครในการเชื่อมโยงกับระบบขนส่งอื่น ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านการเดินรถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง รวมทั้งรถไฟฟ้าชานเมืองของ รฟท. โดยจะช่วยประหยัดและลดต้นทุนด้านพลังงานของประเทศ และส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบราง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณรอยต่อของกรุงเทพมหานครกับจังหวัดปทุมธานีให้สามารถเข้าถึงระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ส่งผลให้การบริการด้านการขนส่งสาธารณะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ +15. เรื่อง โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และโครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME (โครงการสินเชื่อปลุกพลังฯ) และโครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME (โครงการสินเชื่อ Beyondฯ) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ภายในกรอบวงเงิน 1,800 ล้านบาท โดยให้ปรับระยะเวลาการชดเชยดอกเบี้ย ทั้ง 2 โครงการ เป็น 3 ปี อัตรา 3% แล้วให้ประเมินผลก่อนพิจารณาการชดเชยในระยะต่อไป +สาระสำคัญของเรื่อง +เรื่องนี้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME (โครงการสินเชื่อปลุกพลังฯ) และโครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME (โครงการสินเชื่อ Beyondฯ) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายชดเชยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของทั้ง 2 โครงการ ทั้งนี้ โครงการสินเชื่อปลุกพลังฯ จะมุ่งเน้นการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SME รายย่อย เพื่อเป็นเงินทุนเสริมสภาพคล่อง หรือลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ ให้กับผู้ประกอบการ SME รายย่อย และมีความเปราะบางให้เข้าถึงสินเชื่อต้นทุนต่ำผ่านกลไกสถาบันการเงินของรัฐ โดยการลดข้อจำกัดคุณสมบัติ และการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้มีสภาพคล่อง และเงินทุนเพียงพอในการฟื้นฟู ปรับปรุงกิจการขยายธุรกิจ รวมถึงเพิ่มศักยภาพพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการ SME รายย่อยทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ที่อยู่ในภาคการผลิต ภาคบริการ และค้าส่งค้าปลีกที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 2 ล้านบาท และประกอบกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยสามารถนับรวมประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการที่ขอสินเชื่อหรือประสบการณ์การบริหารธุรกิจที่ผ่านมาของผู้บริหารได้ หรือผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ +ในขณะที่โครงการสินเชื่อ Beyondฯ จะเป็นการสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SME ขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเสริมสภาพคล่อง ลงทุน ขยาย ปรับปรุงกิจการ หรือปรับเปลี่ยนทรัพย์สิน หรือเครื่องจักรที่เกี่ยวเนื่องกับกิจการ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ SME โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้ประกอบการ SME ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ทุกประเภทธุรกิจ ที่มีรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 2 ล้านบาทและดำเนินกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี สามารถนับรวมประสบการณ์การทำงานที่เกี่ยวข้องกับกิจการขอสินเชื่อ หรือประสบการณ์การบริหารธุรกิจที่ผ่านมาของผู้บริหารได้ +ต่างประเทศ +16. เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจําปี พ.ศ. 2567 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2024) +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (กองทุนฯ) ประจําปี พ.ศ. 2567 (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2024) (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) ทั้งนี้ หากมีความจําเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคําของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสําคัญเพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของประเทศไทย (ไทย) ให้ อว. หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อพิจารณา ดําเนินการในเรื่องนั้น ๆ โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก รวมทั้ง อนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เสนอ +สาระสำคัญของเรื่อง +กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นําเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจําปี พ.ศ. 2567 (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เพื่อใช้เป็นแนวทางการบริหารจัดการงบประมาณของโครงการที่ได้รับการอนุมัติจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมจํานวน 10 โครงการ รวมเป็นเงินจํานวน 2,656,900 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 91.69 ล้านบาท เช่น โครงการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคล้านช้าง-แม่โขง : การบูรณาการปุ๋ยชีวภาพเพื่อการผลิตพืชเศรษฐกิจ และการแปรรูปอาหารเพื่อการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) โดยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จํานวนเงิน 388,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13.40 ล้านบาท โครงการเส้นทางเครื่องเทศลุ่มน้ำโขง : การพัฒนาแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวเชิงศิลปวิทยาการอาหารและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมหาวิทยาลัยแม่โจ้จํานวนเงิน 327,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 11.29ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสํานักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาแล้ว เห็นชอบ/เห็นควรให้ความเห็นชอบ/ไม่มีข้อขัดข้อง +17. เรื่อง บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ประจำปี 2567 ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ ในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง (กองทุนฯ) (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) ประจําปี พ.ศ. 2567 ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจําประเทศไทย (สถานเอกอัครราชทูตจีนฯ) ทั้งนี้หากมีความจําเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสําคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้ อก. สามารถดําเนินการได้ โดยไม่ต้องนําเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งรวมทั้งอนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ประจําปี พ.ศ. 2567 ระหว่าง อก. กับ สถานเอกอัครราชทูตจีนฯ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ +(สถานเอกอัครราชทูตจีนฯ เสนอขอลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ กับหน่วยงานไทยหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติ) +สาระสำคัญ +กองทุนพิเศษแม่โขง - ล้านช้าง จัดตั้งขึ้นในปี 2559 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกองทุนสําหรับการดําเนินกิจกรรม/โครงการความร่วมมือต่าง ๆ ของประเทศสมาชิก (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา เวียดนาม ไทย และจีน) ในสาขาหลักของกรอบความร่วมมือ 5 สาขา ได้แก่ (1) ความเชื่อมโยง (2) ศักยภาพในการผลิต (3) เศรษฐกิจข้ามพรมแดน (4) ทรัพยากรน้ำ และ (5) การเกษตรและการขจัดความยากจนซึ่งที่ผ่านมามีหน่วยงานของไทยหลายหน่วยงานได้ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว เพื่อดําเนินโครงการต่าง ๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ เป็นต้น สําหรับกระทรวงอุตสาหกรรมได้เคยขอรับการสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าวมาแล้ว 3 ครั้ง ในปี 2562 2565 และ 2566 รวมวงเงิน ทั้งสิ้น 709,492 ดอลลาร์สหรัฐ (ไม่เกิน 4.73 ล้านหยวน หรือประมาณ 22.18 ล้านบาท) ในครั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าวเป็นเงิน จํานวน 683,600 ดอลลาร์สหรัฐ (ไม่เกิน 4.93 ล้านหยวน หรือประมาณ23.12 ล้านบาท) เพื่อดําเนินโครงการ 2 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการการยกระดับวัสดุที่ยั่งยืนในอุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย (CLMVT) : การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อจัดการกับความท้าทายของการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism :   CBAM) และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนา อย่างยั่งยืน (SDGs) และ (2) โครงการประเมินความพร้อมของตลาดในภูมิภาคล้านช้าง - แม่โขง สําหรับการใช้งานยานยนต์พลังงานใหม่และยานยนต์อัจฉริยะ ทั้งนี้ การส่งมอบงบประมาณเพื่อดําเนินโครงการดังกล่าว จะต้องจัดทําเป็นบันทึกความเข้าใจ ซึ่งมีสาระสําคัญเป็นการกําหนดรายละเอียดแนวทาง การดําเนินโครงการดังกล่าว เช่น วงเงินงบประมาณของแต่ละโครงการ การจัดสรร และการบริหารจัดการงบประมาณ การกํากับดูแลและประเมินผลโครงการ การมีผลใช้บังคับ เป็นต้น +18. เรื่อง ร่างเอกสาร Guidelines and Minimum Standards ด้านโภชนาการระดับอาเซียน 5 ฉบับ +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสาร Guidelines and Minimum Standardsด้านโภชนาการระดับอาเซียน (ร่างเอกสารด้านโภชนาการฯ) จํานวน 5 ฉบับ ทั้งนี้ หากมีความจําเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารดังกล่าว ในประเด็นที่มิใช่สาระสําคัญ หรือไม่ขัดผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้ สธ. สามารถดําเนินการได้ โดยไม่ต้องนําเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้ง อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างเอกสารด้านโภชนาการฯ จํานวน 5 ฉบับ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ +(ทั้งนี้ จะรับรองเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ผ่านทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์) +สาระสําคัญของเรื่อง +สธ. รายงานว่า +1. สํานักเลขาธิการอาเซียน มีแผนการเปิดตัวร่างเอกสารด้านโภชนาการฯ จํานวน 5 ฉบับ ซึ่งจัดทําตามวาระอาเซียนด้านการพัฒนาสาธารณสุข ภายใต้กรอบวาระ การพัฒนาที่ 1 เรื่องการส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี ที่กําหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียน สร้างกลไกในการติดตามและประเมินผลการดําเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการมีสุขภาพที่ดีของประชาชนในประเทศสมาชิกอาเซียน โดยร่างเอกสารด้านโภชนาการฯ ดังกล่าว เป็นเอกสารที่รวบรวมผลการศึกษาและวิจัยด้านโภชนาการ เพื่อเสนอแนะแนวทางและมาตรฐานในการกําหนดนโยบายและการดําเนินการของประเทศสมาชิกอาเซียน ในด้านโภชนาการ เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเป็นเมืองใหญ่เพิ่มมากขึ้น ทําให้พฤติกรรมการบริโภคและรูปแบบด้านโภชนาการเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้การดําเนินงานด้านอาหารและโภชนาการระดับประเทศไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการดําเนินงานโภชนาการระดับโลก (Global Nutrition Target 2025) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) +2 ร่างเอกสารด้านโภชนาการฯ จํานวน 5 ฉบับ ประกอบด้วย +2.1 ฉบับที่ 1 เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำด้านโภชนาการมารดาในอาเซียน (ASEAN Guidelines and Minimum Standards for Maternal Nutrition) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมโภชนาการที่ดีตลอดช่วงชีวิต โดยให้ความสําคัญกับภาวะสุขภาพ ของกลุ่มมารดาและผู้หญิงเป็นหลัก เนื่องจากมารดาและผู้หญิงจะมีความต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้นในช่วงมีประจําเดือน ระหว่างตั้งครรภ์ ช่วงคลอดบุตร และช่วงที่ต้องให้นมบุตร จึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในช่วงเวลาดังกล่าว +2.2 ฉบับที่ 2 เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำด้านการเสริมสารอาหารปริมาณมากที่จําเป็น (ASEAN Guidelines and Minimum Standards for implementation of Mandatory Large – scale Food Fortification) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศสมาชิกอาเซียนนําไปใช้สําหรับการวางแผน และปรับใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ด้านการเสริมสารอาหาร +2.3 ฉบับที่ 3 เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำการจัดการปัญหาเด็กที่มีภาวะผอมในระบบสุขภาพแห่งชาติ (ASEAN Regional Guidelines on Minimum Standards for Management of Child Wasting in National Health Systems) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศสมาชิกอาเซียนใช้ในการเร่งขับเคลื่อนการดําเนินงานป้องกันและจัดการภาวะผอมในเด็กผ่านระบบสุขภาพแห่งชาติ รวมถึงการบูรณาการการรักษาภาวะผอมในเด็กให้เป็นงานประจําในระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ +2.4 ฉบับที่ 4 เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำด้านโภชนาการในโรงเรียนแบบองค์รวม (Minimum Standards and Guidelines for the ASEAN School Nutrition Package) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางให้ประเทศสมาชิกอาเซียนใช้ในการสนับสนุนให้เด็กวัยเรียน อายุ 3 - 18 ปี ในโรงเรียน ได้รับอาหารที่ปลอดภัย มีโภชนาการเหมาะสม และมีสุขภาพดี +2.5 ฉบับที่ 5 เอกสารหลักเกณฑ์และมาตรฐานขั้นต่ำการป้องกันเด็กผอมจากผลกระทบอันตรายของการตลาดเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในอาเซียน (Minimum standards and guidelines on actions to protect children from the harmful impact of marketing, of food and non-alcoholic beverages in the ASEAN region) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลทางวิชาการและเป็นแนวทางให้ประเทศสมาชิกอาเซียนใช้ในการลดปัจจัยเปิดรับ (exposure) และปกป้องเด็กจากอันตรายที่เกิดจากตลาดอาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่ไม่ดีต่อสุขภาพ (มีปริมาณไขมัน น้ำตาล และโซเดียมสูง) (Junk food) +ทั้งนี้ สธ. เห็นว่า ร่างเอกสารด้านโภชนาการฯ ทั้ง 5 ฉบับดังกล่าวมีความเหมาะสมโดยประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามได้ภายใต้อํานาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ในปัจจุบัน +19. เรื่อง การขอขยายระยะเวลาการดําเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme UNDP)ในการดําเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร - UNDP (Bangkok - UNDP Regional Innovation Center: RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (Thailand Policy Lab: TPLab) +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดังนี้ +1. อนุมัติขยายระยะเวลาดําเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล แห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ในการดําเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค กรุงเทพมหานคร - UNDP (Bangkok - UNDP Regional Innovation Center: RIC) หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (TPLab) (โครงการความร่วมมือ RIC) นับแต่วันสิ้นสุดความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลไทยกับ UNDP ในการดําเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย (ความตกลงความเป็นหุ้นส่วนฯ) ในวันที่ 30 กันยายน 2567 เป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ภายใต้กรอบวงเงินโครงการความร่วมมือ RIC ที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม +2. เห็นชอบร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่าง รัฐบาลไทยกับ UNDP ในการดําเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย (ร่างพิธีสารฯ) ทั้งนี้ หากมีความจําเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคําของร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสําคัญ และไม่ขัดผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้ สศช. ดําเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก +3. อนุมัติให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างพิธีสารฯ ของฝ่ายไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวง การต่างประเทศ (กต.) จัดทําหนังสือมอบอํานาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม +สาระสำคัญของเรื่อง +เรื่องนี้เป็นการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติขยายระยะเวลาดําเนินโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในการดําเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค (RIC) กรุงเทพมหานคร - UNDP หรือห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย (TPLab) (โครงการความร่วมมือ RIC) นับแต่วันสิ้นสุดความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลไทยกับ UNDP ในการดําเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย จากในวันที่ 30 กันยายน 2567 เป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 (ครั้งนี้เป็นการขยายระยะเวลาดําเนินโครงการความร่วมมือ RC ครั้งที่ 3) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการความร่วมมือ RIC ที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม เนื่องจากยังคงมีงบประมาณในการดําเนินโครงการความร่วมมือ RIC คงเหลือ และยังคงมีกิจกรรมที่ต้องดําเนินการร่วมกับภาคีเครือข่าย รวมถึงจะต้องมีการถอดบทเรียนจากการใช้นวัตกรรมเชิงนโยบายให้เสร็จสมบูรณ์ โดยในปี 2566 - 2567 โครงการความร่วมมือ RIC มีการดําเนินการทั้งสิ้น 33 ชิ้นงาน เช่น การทดลองใช้เครื่องมือกับนโยบาย/แผนของหน่วยงานต่าง ๆ การเผยแพร่องค์ความรู้ ด้านนวัตกรรมเชิงนโยบาย นอกจากนี้ สํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีแนวทางในการดําเนินโครงการความร่วมมือ RIC ในระยะต่อไป เช่น การเร่งสังเคราะห์ประสบการณ์จากการประยุกต์ใช้กระบวนการนโยบายสาธารณะ 8 ขั้นตอน การนําแพลตฟอร์นวัตกรรมเชิงนโยบายไปสู่การใช้งานจริง เป็นต้น ทั้งนี้ การขยายระยะเวลาดังกล่าวทั้งสองฝ่ายจะต้องจัดทําเป็นร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนระหว่างรัฐบาลไทย กับ UNDP ในการดำเนินงานศูนย์ RIC ในประเทศไทย (ร่างพิธีสารฯ) โดยให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดทําหนังสือมอบอํานาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามด้วย +20. เรื่อง ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 +และการประชุมที่เกี่ยวข้อง +คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำคัญของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง จำนวน 8 ฉบับ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก  รวมทั้ง อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมาย ร่วมรับรองเอกสารในข้อ 2.1-2.8 รวม 8 ฉบับ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) เสนอ +สาระสำคัญของเรื่อง +1. ประเทศไทย โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 (The 5th ASEAN Digital Ministers’ Meeting : The 5 th ADGMIN) การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 (The 5 th ASEAN Digital Senior Officials’ Meeting : The 5th ADGSOM) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม 2568 ณ โรงแรมอนันตราริเวอร์ไซด์ และโรงแรมอวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพมหานคร ภายใต้หัวข้อหลัก (Theme) “มั่นคง นวัตกรรม ครอบคลุม : ร่วมกำหนดอนาคตดิจิทัลของอาเซียน” (Secure, Innovative, Inclusive : Shaping ASEAN’s Digital Future) +2. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง รวม 8 ฉบับ ดังนี้ +2.1 ร่างปฏิญญาดิจิทัลกรุงเทพ (Bangkok Digital Declaration) สาระสำคัญ ได้แก่   การมุ่งเน้นผลงานความร่วมมือระดับภูมิภาคที่สำคัญ ได้แก่ การจัดตั้งคณะทำงานอาเซียนด้านการป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ (WG - AS) พร้อมผลักดันรายงานและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามออนไลน์ การพัฒนาแนวทางเพื่อประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การส่งเสริมนวัตกรรมและการเติบโตของวิสาหกิจในเศรษฐกิจดิจิทัล การสนับสนุนระบบนิเวศปัญญาประดิษฐ์ผ่านคณะทำงานอาเซียนด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (WG - AI) การไหลเวียนข้อมูลภายในอาเซียนผ่านคณะทำงานอาเซียนด้านการกำกับดูแลข้อมูลดิจิทัล (WG - DDG) การลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล การพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อเพิ่มขีดความสามารถระดับภูมิภาค การเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ครอบคลุม การกำหนดอนาคตด้วยแผนแม่บทดิจิทัลฉบับใหม่ และการกระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอาเซียน +2.2 ร่างถ้อยแถลงข่าวร่วมสำหรับการประชุม ADGMIN ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง (Joint Media Statement) เป็นเอกสารที่ระบุถึงสาระสำคัญของผลการประชุม ADGMIN ครั้งที่ 5 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการยกระดับความร่วมมือด้านดิจิทัลระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจาและภาคีภายนอก เพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. 2025 +2.3 ร่างรายงานโครงการศึกษาขั้นตอนการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล +(Digital Identification in ASEAN - Baseline study on how ASEAN leverage the digitalization of ID) เป็นรายงานผลการดำเนินโครงการศึกษาขั้นตอนการพัฒนาระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน +2.4 ร่างเอกสารแผนปฏิบัติการสำหรับกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวข้ามพรมแดนระดับสากล และการรับรองความเป็นส่วนตัวระดับสากลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูล (Operational Framework for Global Cross -Border Privacy Rules : Global CBPR and Global Privacy Recognition for Processors : Global PRP) เป็นแผนปฏิบัติการสำหรับกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวข้ามพรมแดนระดับสากล (Global CBPR)  และการรับรองความเป็นส่วนตัวระดับสากลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูล (Global PRP) เพื่อสนับสนุนการส่งผ่านข้อมูลข้ามพรมแดนในอาเซียน +2.5 ร่างเอกสารเพิ่มเติมแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลและจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียนโดยครอบคลุมถึงปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Expanded ASEAN Guide on AI Governance and Ethics  - Generative AI) เป็นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบแนวปฏิบัติธรรมาภิบาลและจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ของอาเซียน โดยคำนึงถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI : Gen AI)                                                   2.6 ร่างรายงานการสำรวจกิจกรรมการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียน (พ.ศ. 2566-2567)  ภายใต้คณะทำงานอาเซียนด้านการป้องกันปัญหาการหลอกลวงผ่านสื่อออนไลน์ (Report of the Online Scams Activities in ASEAN (2023 - 2024) under the ASEAN Working Group on Anti - Online Scam : WG -AS) เป็นการสำรวจกิจกรรมการหลอกลวงออนไลน์ในอาเซียน เพื่อระบุประเภทและรูปแบบของการหลอกลวงออนไลน์ กลุ่มเป้าหมาย ความสูญเสียทางการเงิน และประสิทธิภาพของมาตรการที่ใช้ในการตอบโต้อาชญากรรมเหล่านี้ ข้อมูลรวบรวมจากการสำรวจเชิงโครงสร้าง โดยมุ่งเน้นที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักและหน่วยงานต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ในแต่ละประเทศ เพื่อให้เข้าใจถึงแนวโน้มความท้าทายและการตระหนักรู้ของการหลอกลวงออนไลน์ในภูมิภาค +2.7 ร่างเอกสารข้อแนะนำของอาเซียนในการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (ASEAN Recommendations on Ant - Online Scam) เป็นเอกสารข้อเสนอแนะสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อจัดการกับปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ผ่านช่องทางดิจิทัลและโทรคมนาคม เช่น การยกระดับการฝึกอบรมระดับชาติและพัฒนาศักยภาพให้กับเจ้าหน้าที่ การจัดกิจกรรมระดับภูมิภาคเพื่อให้ความรู้กับประชาชน การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการหลอกลวงและข้อมูลเชิงกลยุทธ์อย่างทันท่วงที  การทบทวนและปรับปรุงกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลและธุรกรรมทางดิจิทัล ส่งเสริมการสร้างความรับผิดชอบของสื่อสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ให้เพิ่มมากขึ้น การพัฒนากลไกและยุทธ์ศาสตร์ เพื่อสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของประเทศสมาชิกอาเซียนและองค์กรรายสาขาอื่นของอาเซียน +2.8 ร่างเอกสารกรอบการบูรณาการบริการรัฐบาลดิจิทัลของอาเซียน (ASEAN Digital Government Interoperability Framework) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการบริการดิจิทัลข้ามพรมแดนและเป้าหมายการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลของภูมิภาค โดยเน้นความเชื่อมโยงกันในด้านการเมือง กฎหมาย องค์กร และเทคนิค +ประโยชน์และผลกระทบ +ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว เป็นเอกสารแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมาย  เพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลในระดับภูมิภาค รวมถึงสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เข้มแข็งและครอบคลุม ลดความเหลื่อมล้ำและพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล ตลอดจนสร้างความเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในภูมิภาค นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนากรอบการบริหารจัดการข้อมูล การป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ การลดปัญหาการหลอกลวงออนไลน์ การกำกับดูแลการใช้ปัญญาประดิษฐ์ และการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมในโลกไซเบอร์ พร้อมผลักดันการบรรลุเป้าหมายตามแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. 2025 อย่างเป็นรูปธรรม และส่งเสริมความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในระดับโลก +แต่งตั้ง +21. เรื่อง คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงการคลัง) +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 1 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล +คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล +องค์ประกอบ (คงเดิม) +ตามมติคณะรัฐมนตรี 6 กุมภาพันธ์ 2567 +ตำแหน่ง +1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง +ประธานกรรมการ +2. ปลัดกระทรวงการคลัง +รองประธานกรรมการ +3. ปลัดกระทรวงมหาดไทย +กรรมการ +4. เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา +กรรมการ +5. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี +กรรมการ +6. เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ +กรรมการ +7. ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ +กรรมการ +8. ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล +กรรมการ +9. ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ +กรรมการและเลขานุการ +10. ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล +กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ +หน้าที่และอำนาจ (คงเดิม) +1. กำหนดแนวทางการพิจารณารายละเอียดของหลักการและแนวทางการพิจารณาการออกสลากการกุศล +ภายใต้กรอบหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ +2. พิจารณากลั่นกรองโครงการสลากการกุศลของหน่วยงานต่าง ๆ และประสานงานหน่วยงานที่กำกับดูแลการ +ดำเนินงานหรือการให้บริการของโครงการนั้น ๆ เพื่อให้ความเห็นประกอบการพิจารณาก่อนเสนอกระทรวง +การคลังเพื่อพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป +3. กำหนดแนวทางในการกำกับ ติดตามการดำเนินโครงการของหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรการออกสลากการกุศล +ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ด้วยความโปร่งใส +4. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล +5. ดำเนินการอื่นๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย +ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2568 เป็นต้นไป +22. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ   (กระทรวงสาธารณสุข) +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอแต่งตั้ง นายกิตติ ชื่นยง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรศาสตร์  ภารกิจด้านวิชาการและการแพทย์ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ให้ดำรงตำแหน่ง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ  (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป +23. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ  (กระทรวงแรงงาน) +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอแต่งตั้ง นายเกริกไกร  นาสมยนต์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกรม (ผู้ตรวจราชการกรมสูง) กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษากฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เป็นต้นไป +24. เรื่อง ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (ครั้งที่ 1) (กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม) +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เสนอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นางสาววิภารัตน์ ดีอ่อง ข้าราชการพลเรือนสามัญตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ 4 ปี ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 1) ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 +25. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 5 ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ดังนี้ +1. นายศรัญญู พูลลาภ รองอธิบดีกรมหม่อนไหม ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง +2. นายประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง +3. นายธิติ โลหะปิยะพรรณ ผู้ช่วยปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง +4. นายนิรันดร์ มูลธิดา รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง +5. นายอานนท์ นนทรีย์ รองอธิบดีกรมการข้าว ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2568 ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป +26. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก จำนวน 4 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์และดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี ดังนี้ +1. นายชูฉัตร ประมูลผล                      กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย +2. นางสาวจอมขวัญ คงสกุล                กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง +3. นางสาวบัณฑรโฉม แก้วสอาด         กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง +4. นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์                       กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงินการคลัง +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2568 เป็นต้นไป +27. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน +คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง เสนอแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวน 3 คน แทนกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารออมสิน จำนวน 3 คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์และขอลาออก ดังนี้ +1. นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ +(ผู้แทน กค.) +2. นายชูรัฐ เลาหพงศ์ชนะ +3. นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2568 เป็นต้นไป และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว +28. เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี +คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 7/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี +ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567 เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้ +รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 16 กันยายน 2567 นั้น +อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 และมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) +พ.ศ. 2545 มาตรา 11 (2) และมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 +และมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 และมาตรา 90 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการมอบอำนาจ พ.ศ. 2550 จึงให้แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 313/2567 ลงวันที่ 16 กันยายน 2567 โดยให้ยกเลิกความในบทนิยามคำว่า “กำกับการบริหารราชการ” ในส่วนที่ 1 นิยาม และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน +“กำกับการบริหารราชการ” หมายความว่า กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดินของส่วนราชการเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและนโยบายของคณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี มีอำนาจสั่งให้ส่วนราชการชี้แจงแสดงความคิดเห็นหรือรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการหรือการปฏิบัติงาน สั่งสอบสวนข้อเท็จจริงตลอดจนอนุมัติให้นำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี และอนุมัติตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 6 กันยายน 2566 เกี่ยวกับการมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีที่ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีอนุญาตหรืออนุมัติเรื่องต่าง ๆ ของส่วนราชการในกำกับการบริหารราชการไปก่อนได้ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ รวมถึงอนุมัติให้นำเรื่องเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี +ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2568 เป็นต้นไป +************ + +ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92108 \ No newline at end of file diff --git a/last_num.txt b/last_num.txt index 8602d7713..105bb40e6 100644 --- a/last_num.txt +++ b/last_num.txt @@ -1 +1 @@ -92108 \ No newline at end of file +92171 \ No newline at end of file