Skip to content

Commit

Permalink
Apply news
Browse files Browse the repository at this point in the history
wannaphong authored and actions-user committed Jan 7, 2025
1 parent 2be3937 commit 6ea37d1
Showing 38 changed files with 515 additions and 1 deletion.
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,14 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี วันที่ 7 มกราคม 2568


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี วันที่ 7 มกราคม 2568
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี วันที่ 7 มกราคม 2568
ประชุม ครม.นายกสั่ง  ผบ.ตร.และ  รมว.ท่องเที่ยว เร่งแก้ไข ปัญหา ดาราจีนหายตัวและให้รายงานความคืบหน้าด่วน…
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า   ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งแรกของปี 2568 นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ ทุกกระทรวงประชาสัมพันธ์ การจัดงานวันเด็กในแต่ละกระทรวง   และส่งให้สำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวบรวม ประชาสัมพันธ์ จากนั้น นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
1. เรื่องดาราชายชาวจีนหายตัว จากกรณีที่ดาราชายชาวจีน เดินทางมาประเทศไทย ถึงสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. และหายตัวไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ถือเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ และกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวอย่างยิ่ง
- ขอให้ สนง.ตำรวจแห่งชาติ และ ก.ต่างประเทศ เร่งติดตามคลี่คลายคดีหายตัวผู้สูญหายโดยด่วนที่สุด และให้ ก.ท่องเที่ยวฯ ติดตามกระแสข่าว และแก้ไขข่าวด้านลบโดยเฉพาะในประเทศไทย และจีนอย่างใกล้ชิดด้วย

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92082
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,25 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ข้อสั่งการที่ 2 ของนายกรัฐมนตรี วันที่ 7 มกราคม 2568


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
ข้อสั่งการที่ 2 ของนายกรัฐมนตรี วันที่ 7 มกราคม 2568
นายกฯ สั่งด่วนใน ครม. ทุกส่วนราชการต้องเร่งจัดการฝุ่น PM2.5 ขั้นเด็ดขาด สั่ง ตร. และ คค. ต้องกวดขันจับรถควันดำ โดยเฉพาะพิกอัปแต่งเครื่องพ่นควันดำเกลื่อนเมือง อก. รง. ต้องงดรับซื้อพืชจากการเผา ส่วน พณ. ห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากการเผา กห. เร่งกวดขันจับ
วันนี้ (7 มกราคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการเร่งด่วนในที่ประชุม ครม. คือ เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5  โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูกาลที่ปัญหา PM2.5 เริ่มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการรับซื้ออ้อยที่ถูกเผาในหลายพื้นที่ ในขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมก็เริ่มเห็น Hotspot เพิ่มมากขึ้นในบางจังหวัด  โดยขอให้ในที่ประชุม ครม. วันนี้ หารือในประเด็นนี้ และขอมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ไปดำเนินการในการป้องกัน กวดขัน จับกุมอย่างเข้มงวด โดยมีเป้าหมายต้องลดให้ได้มากกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในเรื่องแต่ละกระทรวงโดยเฉพาะมาตรการเกี่ยวกับพืชผลทางการเกษตรที่ มีการเผา นายกฯ ได้สั่งการให้:
- อก. เร่งกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ประกอบการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้
- ทส. ร่วมกับ สตช. บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า / เผาตอซังข้าว / ข้าวโพด / อ้อย และพืชอื่น ๆ รวมทั้งประกาศกำหนดเขตควบคุมมลพิษ โดยร่วมมือกับภาคประชาสังคมในการดำเนินการดังกล่าว
- พณ. ร่วมกับ กษ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่น ๆ ที่ผ่านการเผา
- กห. /ขอให้หน่วยงานความมั่นคง และกรมศุลกากรตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าพืชที่ผ่านการเผาทุกชนิด ตามแนวชายแดนต่าง ๆ อย่างเข้มงวด
จากนั้น นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ส่วนราชการอื่น ๆ ที่จะสามารถลด ค่า PM2.5 ในภาคอื่น ๆ ได้ โดยให้:
- คค. และ สตช. ตรวจสอบและห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถ pickup / รถโดยสาร / รถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ปล่อยควันดำรวมทั้งรถขนส่งมวลชนของ ขสมก. และรถร่วมบริการเส้นทางต่าง ๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ
- มท. กำชับ กทม. และ อปท.ทุกแห่ง ให้ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM2.5 จาก site งานก่อสร้างรวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ให้กับผู้ประกอบการซึ่งฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง
- มท. (กรมโยธาฯ) กำหนดแนวทำป้องกันมิให้เกิดการปล่อย PM2.5 ในโครงการก่อสร้างของรัฐ เพื่อให้ทุกหน่วยงานของรัฐนำไปกำหนดใน TOR ของการจ้างก่อสร้างต่อไป เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว
- ดศ. ร่วมกับ อว. และ ทส. พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM2.5 อย่างบูรณาการ
- กต. หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งการต่อไปว่า ในด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้:
- มท. กำชับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย / ผู้ว่าราชการจังหวัด / และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเตรียมการป้องกันกรณีที่มีการลักลอบเผาและเกิดไฟไหม้ลุกลามในวงกว้างและเป็นต้นเหตุของ PM2.5
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ขอให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบกฎหมายในความรับผิดชอบและเสนอต่อ ครม. เพิ่มเติมภายในเดือนมกราคมนี้ว่าในแต่ละกระทรวงจะมีมาตรการอะไรเพิ่มเติม หรือใช้กฎหมายที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างยั่งยืนได้อย่างไรบ้าง เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศอากาศสะอาดในเร็ววันนี้

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92085
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,14 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายกฯ “แพทองธาร” ชมนิทรรศการ “แค่เล่นกับลูก...โลกก็เปลี่ยน” ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาเด็กไทยให้ฉลาด เติบโต สมวัย เพราะเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
นายกฯ “แพทองธาร” ชมนิทรรศการ “แค่เล่นกับลูก...โลกก็เปลี่ยน” ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาเด็กไทยให้ฉลาด เติบโต สมวัย เพราะเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ
นายกฯ “แพทองธาร” ชมนิทรรศการ “แค่เล่นกับลูก...โลกก็เปลี่ยน” ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาเด็กไทยให้ฉลาด เติบโต สมวัย เพราะเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ
วันนี้ (7 มกราคม 2568) เวลา 09.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการจัดแสดงนิทรรศการ เรื่อง “แค่เล่นกับลูก...โลกก็เปลี่ยน” ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเข้าร่วมด้วย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังวัตถุประสงค์ของกิจกรรมประชาสัมพันธ์ เรื่อง “แค่เล่นกับลูก...โลกก็เปลี่ยน” จาก แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ พร้อมรับมอบพวงมาลัย จากเด็กปฐมวัย ศูนย์เด็กเล็กวัลลภ ไทยเหนือ  โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาเด็กไทยให้ฉลาด เติบโต สมวัย เพราะเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศ โดยเฉพาะการส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้สมวัย เพื่อสื่อสารและดำเนินงานด้านการเฝ้าระวังและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัย สร้างความตระหนักให้พ่อแม่ ผู้ดูแลเด็ก และภาคีเครือข่าย ตระหนักถึงความสำคัญของการเล่น และการเพิ่มเวลาคุณภาพ เพื่อสร้างความผูกพันภายในครอบครัวของเด็กปฐมวัย
สำหรับนิทรรศการประชาสัมพันธ์แนวทางในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กให้สมวัย กระทรวงสาธารณสุข มีแนวทางเพื่อเน้นย้ำให้ความสำคัญให้มีความร่วมมือในการส่งเสริมและประเมินพัฒนาการเด็กปฐมวัย โดยพัฒนาระบบ Tele-consultation เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ที่ไม่มีเวลา หรือไม่สามารถเดินทางเข้ามารับบริการได้เป็นระบบที่ใช้สำหรับสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง อสม. หรือบุคลากรทางสาธารณสุขในพื้นที่ที่อยู่กับเด็กและครอบครัว กับทีมบุคลากรสาธารณสุขเฉพาะทางที่อยู่ในโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับคำปรึกษา ช่วยให้เด็กปฐมวัยที่เข้าไม่ถึงบริการได้รับการประเมินพัฒนาการ รวมทั้ง เด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนาการ ให้ได้รับการดูแลติดตามจนกระทั่งมีพัฒนาการที่ดีขึ้นและเตรียมพัฒนาระบบให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมทั้ง จัดคลินิกส่งเสริมพัฒนาการเคลื่อนที่ ในรูปแบบของรถพัฒนาการเคลื่อนที่ (Mobile Development) จะนำของเล่น หนังสือนิทาน อุปกรณ์และองค์ความรู้ในการดูแลเด็กปฐมวัย เดินทางออกไปให้ถึงเด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้เด็กปฐมวัยที่ขาดโอกาสได้รับการดูแลและส่งเสริมพัฒนาการที่มีคุณภาพให้กับเด็กไทยทุกคน
“การเล่นช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็ก ให้สมวัย การเล่นที่ดี คือ เล่นโดยมีพ่อแม่เล่นด้วย เพราะพ่อแม่เป็นของเล่นที่มีชีวิต ส่วนของเล่นเป็นองค์ประกอบเสริม ดังนั้น เด็กทุกคน จึงควรได้เล่นกับพ่อ แม่ หรือ ครอบครัว เพื่อส่งเสริมความรักความผูกพันในครอบครัว เปลี่ยนโลกทั้งใบของเด็กให้สดใสมากขึ้น การส่งเสริมพัฒนาการด้วยการอ่านนิทาน และสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยได้เล่น ซึ่งเป็นธรรมชาติตามแต่ละช่วงวัย ช่วยให้เด็กเรียนรู้ควบคู่ไปกับความสนุกสนาน เพราะ “แค่เล่นกับลูก...โลกก็เปลี่ยน”” นายจิรายุ ระบุ

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92087
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,14 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​นายกฯ เชิญชวนคนไทยร่วมงานวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข : ครูไทยร่วมใจปฏิวัติการศึกษา สร้างเด็ก “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” วันที่ 16 มกราคม 2568


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
​นายกฯ เชิญชวนคนไทยร่วมงานวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข : ครูไทยร่วมใจปฏิวัติการศึกษา สร้างเด็ก “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” วันที่ 16 มกราคม 2568
​นายกฯ เชิญชวนคนไทยร่วมงานวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข : ครูไทยร่วมใจปฏิวัติการศึกษา สร้างเด็ก “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” วันที่ 16 มกราคม 2568
วันนี้ (7 มกราคม 2568) เวลา 09.30 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา นางสุดา สุขอ่ำ รองเลขาธิการคุรุสภา ผศ.ดร.พลรพี ทุมมาพันธ์ รองเลขาธิการคุรุสภา นำคณะผู้บริหาร ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และนักเรียน เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบดอกกล้วยไม้ในการประชาสัมพันธ์การจัดงานวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 พร้อมกับร่วมเชิญชวนคณะรัฐมนตรีและประชาชนทั่วไป เห็นความสำคัญของครู ร่วมน้อมรำลึกถึงพระคุณครู และร่วมกิจกรรมงานวันครูเนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ในวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม 2568
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังการนำเสนอการประชาสัมพันธ์งานวันครู พ.ศ. 2568 ภายใต้แนวคิด เรียนดี มีความสุข : ครูไทยร่วมใจปฏิวัติการศึกษา สร้างเด็ก “ฉลาดรู้ ฉลาดคิด ฉลาดทำ” ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างครูกับศิษย์ เมื่อครูร่วมใจกันสร้างความเปลี่ยนแปลง และพัฒนาการศึกษาให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้ศิษย์ฉลาดรู้ คือ รู้ในสิ่งที่ควรรู้ รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้ ฉลาดคิด คือ คิดวิเคราะห์หาสาเหตุ และแนวทางการปรับปรุงพัฒนา ฉลาดทำ คือ ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษามีการผลักดันให้การจัดการศึกษามีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายสูงสุดที่มุ่งหวังให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยจะได้รับการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งในด้านโอกาส ความเท่าเทียม ความเสมอภาค ความปลอดภัย และมีการศึกษาที่เป็นเลิศอันจะสามารถสร้างความมั่นคงของชีวิตได้ โดยมีวัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อประกอบพิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู และความเข้าใจอันดีระหว่างครูกับประชาชน และส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาที่ประกอบคุณงามความดีหรือทำคุณประโยชน์ต่อวงการศึกษาให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน และเป็นแบบอย่างให้เยาวชนรุ่นหลังได้ยึดถือปฏิบัติตาม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ติดดอกกล้วยไม้ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์วันครู พร้อมกับร่วมถ่ายรูปกับคณะผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และนักเรียน
สำหรับกิจกรรมงานวันครูจัดขึ้นทั้งส่วนกลางและภูมิภาคพร้อมกันทั่วประเทศ ในรูปแบบผสมผสาน Onsite และ Online โดยส่วนกลางจัดงานในวันที่ 16 มกราคม 2568 ที่หอประชุมคุรุสภาและบริเวณรอบคุรุสภา มีการถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และ Online ทางยูทูบและเฟซบุ๊กแฟนเพจคุรุสภา และ TBL Suandusit ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป พร้อมล่ามภาษามือ และมีพิธีมอบรางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาของชาติ ประจำปี 2568 จำนวน 7 คน เข็มคุรุสภาสดุดีและเกียรติบัตร รางวัลคุรุสภา “ระดับดี” ประจำปี 2567 จำนวน 18 คน รางวัลครูผู้สอนดีเด่น ประจำปี 2567 จำนวน 25 คน รางวัลผลงาน “หนึ่งโรงเรียน หนึ่งนวัตกรรม” ประจำปี 2567 จำนวน 21 คน รางวัลผลงานวิจัยของคุรุสภา ประจำปี 2567 จำนวน 13 คน รางวัลพระพฤหัสบดี ระดับประเทศ ประจำปี 2567 จำนวน 21 คน รางวัล “คุรุสดุดี” ประจำปี 2567 จำนวน 1,065 คน และรางวัล “ครูดีในดวงใจ” จำนวน 37 คน เป็นต้น รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,207 คน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา นอกจากการจัดงานครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ในวันที่ 16 มกราคม 2568 แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมทั้งก่อนและหลังงานวันครู โดยสามารถติดตามรายละเอียดของการจัดงานวันครูได้ในวันแถลงข่าวการจัดงานวันครู ครั้งที่ 69 พ.ศ. 2568 ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2568 ผ่านการถ่ายทอดสดทางยูทูบและเฟซบุ๊กแฟนเพจคุรุสภา พร้อมล่ามภาษามือ”

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92089
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,13 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​นายกฯ ย้ำ ทุกภาคส่วนเข้มมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยืนยัน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปี 68 จะต้องลดลงแน่นอน


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
​นายกฯ ย้ำ ทุกภาคส่วนเข้มมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยืนยัน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปี 68 จะต้องลดลงแน่นอน
​นายกฯ ย้ำ ทุกภาคส่วนเข้มมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ยืนยัน ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ปี 68 จะต้องลดลงแน่นอน
วันนี้ (7 มกราคม 2568) เวลา 11.40 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถือว่าเป็นวาระหลักในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ โดยข้อมูลภาพจากดาวเทียมได้แสดงถึงจุด hotspot ซึ่งแสดงให้เห็นได้ว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีปริมาณฝุ่นเยอะมากขึ้น โดยได้เน้นย้ำให้หน่วยงานทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงอุตสาหกรรม ได้เน้นย้ำในส่วนของผู้ประกอบการ ในเรื่องของการรับซื้ออ้อยจากการเผา ให้มีมาตรการชัดเจน ซึ่งอย่างที่ทราบเรื่องของปริมาณฝุ่นและควันต่าง ๆ รวมถึงเรื่องของการเผาในปีที่ผ่านมา สามารถตรวจวัดได้ถึงเกือบ 70% ในส่วนของปริมาณที่ตรวจวัดในปี 68 มีปริมาณลดลงอย่างมาก โดยปริมาณการเผาที่ตรวจวัดได้ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง เหลือเพียง 30 - 35%
ในส่วนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว และประชาสัมพันธ์ให้กับพี่น้องประชาชนรับทราบ ขอความร่วมมือลดปริมาณการเผา ซึ่งได้มีการสั่งในที่ประชุม ครม. ว่า เมื่อไม่ให้มีการเผาจะให้พี่น้องประชาชนสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง โดยได้ให้ตัวเลือกในการช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะฉะนั้นในเรื่องหลัก ๆ จะเป็นเรื่องในส่วนของการควบคุมปัญหาฝุ่นควันต่าง ๆ และในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้มีการกำชับให้ตรวจสอบในส่วนของรถขนาดใหญ่ที่วิ่งเข้ามา หรือรถที่มีการปล่อยในเรื่องของฝุ่นควันพิษมาก ให้กระทรวงคมนาคมดูแลในเรื่องดังกล่าวเป็นพิเศษ
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยได้มีการกำชับให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าพี่น้องประชาชนทุกคนในตอนนี้ได้รับผลกระทบในเรื่องของฝุ่นควันเยอะ รัฐบาลได้ดำเนินการทำงานทุก ๆ จุดอย่างเต็มที่ ทุกกระทรวงทุกหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยรัฐบาลและทุกหน่วยงานมีมาตรการ และการเตรียมงานมาล่วงหน้าก่อนแล้ว เพราะฉะนั้นปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในปี 68 ปริมาณจะต้องลดลงกว่าปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92090
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,14 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-นายก เผย กรณีศิลปินชายสัญชาติจีนหายตัวพบแล้ว ย้ำต้องดำเนินการให้เป็นอย่างดี ไม่ให้กระทบต่อภาคการท่องเที่ยว


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
นายก เผย กรณีศิลปินชายสัญชาติจีนหายตัวพบแล้ว ย้ำต้องดำเนินการให้เป็นอย่างดี ไม่ให้กระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
นายก เผย กรณีศิลปินชายสัญชาติจีนหายตัวพบแล้ว ย้ำต้องดำเนินการให้เป็นอย่างดี ไม่ให้กระทบต่อภาคการท่องเที่ยว
วันนี้ (7 มกราคม 2568) เวลา 11.40 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้ากรณี Mr. Xing Xing ศิลปินสัญชาติจีนหายตัวไปว่า ในตอนนี้มีการพบตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังดำเนินการในขั้นตอนการส่งตัวจากพื้นที่แม่สอด จังหวัดตาก กลับมา โดยมีทางด้านตำรวจภูธรภาค 6 รอรับตัวอยู่ในขณะนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลต้องดำเนินการในเรื่องนี้ให้เป็นอย่างดี เพราะไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพราะว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นมีในส่วนเรื่องของข่าวลือ ที่ถูกเอาไปพูดถึงในโลกโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ว่าประเทศไทยมีความน่ากลัวในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลก็พยายามอย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม MDES ในเรื่องของการปล่อยข่าวลือที่ไม่จริง และสถานการณ์อื่น ๆ ที่ไม่เป็นความจริง และได้เน้นย้ำในเรื่องดังกล่าว เพราะไม่อยากให้กระทบต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไรกับคนจีนที่เข้ามาดำเนินการไม่ถูกต้อง จนกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในตอนนี้เราได้มีการประสานไปทางทูตจีนแล้ว ซึ่งทางด้านไทยและจีนได้มีการคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างเข้มข้น และตนเองในตอนที่ได้ไปประชุมต่างประเทศ ได้มีโอกาสพบผู้นำก็ได้คุยเน้นย้ำเช่นกัน เพราะว่านอกจากจะกระทบต่อการท่องเที่ยว ก็ได้มีการพูดถึงในเรื่องไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ (cyber security ) ต่าง ๆ เรื่องของการดูแลการใช้สื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการโกงหรือว่าการหลอก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทั้ง 2 ประเทศเน้นย้ำอย่างมากและไม่ใช่แค่ ประเทศจีนกับไทยเท่านั้น ประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศอื่น ๆ ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น การต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเรื่องนี้สำคัญมาก รัฐบาลได้ดำเนินการโดยให้ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพูดคุยกันเป็นประจำเสมอ และแน่นอนว่าเมื่อมีมาตรการหรือมีข้อสั่งการเรื่องใด ก็จะมีการติดต่อกับทางทูตของประเทศนั้น ๆ ทันที ในส่วนของการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่ต้องเกิดขึ้น ทางรัฐบาลได้ติดต่อกับทูตของแต่ละประเทศตลอดอย่างเช่นครั้งนี้ได้ติดต่อกับทูตของจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า กรณีที่ฝ่ายค้านเสนอทบทวนนโยบายฟรีวีซ่าจีน โดยให้มีการจัดโซนนิ่ง นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะต้องรอพูดคุยกันระหว่างสองประเทศ ว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะนโยบายฟรีวีซ่ารัฐบาลได้สนับสนุนมาโดยตลอด  อยู่ที่การจัดลำดับสำคัญและการตกลงระหว่างประเทศ อะไรที่เป็นข้อเสนอที่ดีก็ต้องรับฟัง

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92092
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,17 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล- นายกฯ ให้ความมั่นใจ สภานักเรียนระดับประเทศ ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนแนวทางพัฒนานักเรียนไทย ชื่นชมเด็กรุ่นใหม่กล้าเลือกเส้นทางของตัวเอง เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
นายกฯ ให้ความมั่นใจ สภานักเรียนระดับประเทศ ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนแนวทางพัฒนานักเรียนไทย ชื่นชมเด็กรุ่นใหม่กล้าเลือกเส้นทางของตัวเอง เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง
นายกฯ ให้ความมั่นใจ สภานักเรียนระดับประเทศ ย้ำรัฐบาลพร้อมสนับสนุนแนวทางพัฒนานักเรียนไทย ชื่นชมเด็กรุ่นใหม่กล้าเลือกเส้นทางของตัวเอง เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง
วันนี้ (7 มกราคม 2568) เวลา 12.45 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รับฟังข้อคิดเห็นของคณะกรรมการสภานักเรียนระดับประเทศ ประจำปี 2568 พร้อมพบปะให้โอวาทแก่คณะกรรมการนักเรียนซึ่งเป็นตัวแทนนักเรียนจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ และกรุงเทพมหานคร รวม 82 คน ที่ผ่านการอบรมสัมมนาสภานักเรียนระดับประเทศ ร่วมระดมความคิดเห็นแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างสร้างสรรค์บนวิถีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาประชาธิปไตย ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2549  โดยมี พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธุ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหารโรงเรียน คณะครูที่ปรึกษาสภานักเรียน คณะกรรมการดำเนินโครงการ และรุ่นพี่สภานักเรียนระดับประเทศ เข้าร่วมรับฟัง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบโอวาทแก่คณะกรรมการสภานักเรียน ประจำปี 2568 ว่า รู้สึกดีใจที่ได้พบกับสภานักเรียนทุกคน จากที่ได้รับฟังน้อง ๆ เสนอความคิด ทำให้เห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ได้มาเน้นย้ำถึงหน้าที่ แนวทางการปฏิบัติ สิ่งที่ควรจะเป็น การรณรงค์ให้เด็กทุกคนเข้าใจตรงกันว่าประเด็นที่สำคัญของสังคมคืออะไร ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ทั้งนี้ ตอนเราเป็นเด็กนั้น เราอาจคิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เป็นเพียงเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่อยากให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดตรงนั้น เพราะว่าความคิดแต่ละคน คือพลังอันยิ่งใหญ่ เช่น ถ้ามีเด็ก 3 คน คิดทำสิ่งดี ๆ ร่วมกัน สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเด็ก 3 คน ร่วมกันทำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็จะเกิดขึ้น ทำให้เห็นว่าทุกคนมีพลัง มีอำนาจในการตัดสินใจและเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกมากมาย ด้วยการสะสมประสบการณ์ ข้อมูล การเรียนรู้ ตามคำขวัญวันเด็กปี 2568 “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” ต้องการให้ทุกคนมีโอกาสเรียนรู้ซึ่งกันและกัน คุณครูสามารถเรียนรู้จากนักเรียนได้ และนักเรียนก็สามารถเรียนรู้จากคุณครูด้วยเช่นกัน เพื่อสะสมข้อมูลและประสบการณ์ที่มากพอแล้วสามารถนำไปตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเองได้ ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทุกคนที่เลือกเส้นทางที่ดีและเป็นประโยชน์ นอกจากเป็นประโยชน์ให้กับตัวเองแล้วยังเป็นประโยชน์ให้กับสังคมและประเทศชาติอีกด้วย เพราะฉะนั้นข้อเสนอแนะ ความคิดเห็นที่เสนอมาวันนี้ รัฐบาลจะสนับสนุนอย่างเต็มที่
“ขอบคุณน้อง ๆ ที่ร่วมกันเสนอความคิดเห็นที่อยากให้รัฐบาลสนับสนุนเด็ก ๆ โดยในโอกาสใกล้วันเด็ก ขอให้ทุกคนได้เห็นน้อง ๆ กลุ่มนี้ว่าเราสามารถเลือกเส้นทางของตัวเองได้ เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง แม้จะเป็นคนตัวเล็กคนหนึ่ง แต่เด็กทุกคนจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศชาติในอนาคต” นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับในปี 2568 นี้ สภานักเรียนระดับประเทศ ได้นำเสนอประเด็นที่ขอรับการสนับสนุนจาก นายกรัฐมนตรี จำนวน 3 ประเด็น ได้แก่
1) การส่งเสริมค่านิยมหลัก “รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ในกลุ่มเยาวชนไทย ซึ่งคณะกรรมการสภานักเรียนจะนำแนวทาง “สืบสานความดี ต่อยอดสิ่งดี ๆ เพื่อแผ่นดินไทย” โดยร่วมกับเพื่อนสภานักเรียนทั่วประเทศศึกษาพระราชกรณียกิจ หลักการทรงงาน หรือพระปรีชาสามารถ ของพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ต่าง ๆ อาทิ การแพทย์ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ วรรณกรรม กีฬา การละเล่นหรือการแสดง แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมสภานักเรียนในโรงเรียน จัดทำโครงการ “TSC น้อมนำพระราชกรณียกิจสู่การต่อยอดพัฒนาสภานักเรียน” มาปรับใช้ในกิจกรรมสภานักเรียนและชีวิตประจำวัน แล้วแบ่งปันประสบการณ์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ พร้อมทั้งเชิญชวนสภานักเรียนทั่วประเทศ ทำกิจกรรมจิตอาสาหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ส่งเสริมความรักและเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ
2) ความรักโรงเรียน รักเพื่อน และน้อง สร้างโรงเรียนแห่งความสุข ให้นักเรียนรักโรงเรียน รักเพื่อน เคารพพี่ ดูแลน้อง และร่วมป้องกันให้ทุกคนห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้าและรู้เท่าทันภัยออนไลน์ โดยขอรับการสนับสนุนการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ผลิต และผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการติดตามและทำหน้าที่กลั่นกรองตรวจสอบข้อมูลออนไลน์พร้อมทั้งเร่งปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับออนไลน์อย่างจริงจัง พร้อมทั้งขอรับการสนับสนุนโครงการภายใต้ “กิจกรรม TSC โรงเรียนดีที่หนูรัก” และ
3) ZERO DROPOUT ติดตามและค้นหาเด็กที่ตกหล่น ไม่ได้เข้าเรียน หรือออกกลางคัน ให้กลับเข้ามาเรียนในระบบ กำหนดแนวทางการป้องกัน เฝ้าระวัง ติดตาม ไม่ให้มีเด็กตกหล่นและออกกลางคัน โดยสภานักเรียนทั่วประเทศจะร่วมขับเคลื่อน “กิจกรรมสภานักเรียนชวนเพื่อนกลับมาเรียน  (TSC  ZERO DROPOUT) ตามบริบทและความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน”

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92094
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,12 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมลงนามความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เสริมประสิทธิภาพ​กระบวนการยุติธรรมคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเป็นธรรม


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
07/01/2568
พิมพ์
ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมลงนามความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เสริมประสิทธิภาพ​กระบวนการยุติธรรมคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเป็นธรรม
ปลัดกระทรวงยุติธรรม ร่วมลงนามความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เสริมประสิทธิภาพ​กระบวนการยุติธรรมคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเป็นธรรม
ในวันอังคารที่ 7 มกราคม 2568 เวลา 10.00 น. นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานฝ่ายกระทรวง​ยุติธรรม​ ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยมี พลอากาศตรี อมร ชมเชย เลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ เป็นประธานผู้ลงนามฝ่ายสำนักงาน​คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) พร้อม​ด้วย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และพลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ร่วมเป็น​สักขีพยาน​ โดยมี นายยอดฉัตร ตสาริกา ผู้อำนวยการกองกฎหมาย รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย นางธนวรรณ ท้วมยิ้ม ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการสื่อสาร และ​เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้อง Integrity สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ อาคารรัฐประศาสนภักดี​ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ กรุงเทพมหานคร
ในการนี้ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจร่วมกันของทั้งสองหน่วยงานในการจัดการกับปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างจริงจัง และเป็นการจัดการอย่างมีระบบ โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาทั้งด้านความรู้ความสามารถของบุคลากร และกลไกการเฝ้าระวัง ตอบสนอง และลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานมีความเห็นว่า ภัยคุกคามทางไซเบอร์มีลักษณะซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น​ การทำงานในลักษณะบูรณาการ และการแบ่งปันทรัพยากร เช่น ข้อมูลความเสี่ยง และเทคโนโลยี จะช่วยให้การรับมือกับปัญหาเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทางกระทรวงยุติธรรมมีความเห็นต่อปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ว่าเป็นเรื่องที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนหรือภาคประชาชน โดยบทบาทสำคัญของกระทรวงยุติธรรม คือ การทำให้กระบวนการยุติธรรมสามารถตอบสนองต่อปัญหาเหล่านี้ได้อย่างทันสมัย มีประสิทธิภาพ และคุ้มครองผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเป็นธรรม

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92099
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,12 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-โฆษก ศธ. ย้ำชัด “ทรงผมนักเรียน” ยกเลิกแล้ว 100% วอนเปิดกว้างรับความเห็นต่าง ไม่มองข้ามสิทธิเด็ก


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
โฆษก ศธ. ย้ำชัด “ทรงผมนักเรียน” ยกเลิกแล้ว 100% วอนเปิดกว้างรับความเห็นต่าง ไม่มองข้ามสิทธิเด็ก
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษก ศธ. เปิดเผยกรณีข้อเรียกร้องการไว้ทรงผมของนักเรียน เน้นย้ำยกเลิกระเบียบ “ทรงผมนักเรียน” โดยให้สถานศึกษาเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น โดย รมว.ศธ. คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนของผู้เรียน พร้อมส่งเสริมความหลากหลาย
โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้มีการยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2566 โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา รวมถึงออกเป็นหนังสือสั่งการแจ้งเวียน และระบุให้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งครู นักเรียน และผู้ปกครอง และเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา หรือคณะกรรมการบริหารโรงเรียนก่อนการประกาศใช้ เพื่อความชัดเจนในการกำหนดแนวปฏิบัติ ซึ่งสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามความเหมาะสม
“เมื่อมีการยกเลิกระเบียบฯ ดังกล่าวแล้ว “ทรงผมนักเรียน” จะไม่มีการระบุความสั้นหรือยาวของทรงผมนักเรียนชายและนักเรียนหญิงอีกต่อไป ส่วนการจะกำหนดให้ผู้เรียนไว้ทรงผมรวมถึงแต่งกายแบบไหน ให้เป็นไปตามวิจารณญาณของสถานศึกษา โดยโรงเรียนเปิดช่องทางให้ผู้เรียนได้มีโอกาสร่วมพูดคุยหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ ทั้งนี้ เชื่อว่าทุกโรงเรียนมีระเบียบที่สร้างขึ้นมาเพื่ออยู่ร่วมกันในสถานศึกษาอย่างมีความสุขของทุกฝ่าย แต่ต้องควบคู่กับสิทธิมนุษยชนของผู้เรียนด้วย พร้อมฝากเป็นกำลังใจให้คุณครูปฏิบัติหน้าที่อยู่บนพื้นฐานของระเบียบวินัยอย่างมีคุณธรรม เพราะครูเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาความคิดของผู้เรียน หากหาทางออกร่วมกันจะมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
ซึ่งปัจจุบัน พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของสิทธิผู้เรียนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการดูแลช่วยเหลือและให้คำปรึกษาให้กับผู้เรียนทุกด้าน ซึ่งมีศูนย์เสมาพิทักษ์ที่ขับเคลื่อนกลไกผ่านพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา (พสน.) ในทุกพื้นที่ ถึงแม้จะมีมาตรการที่ดูแลผู้เรียนให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม แต่ก็ไม่ได้จำกัดสิทธิเสรีภาพ ทุกอย่างเป็นไปเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้เรียนแสดงออกเชิงพฤติกรรมอย่างเหมาะสม มีอิสระภายใต้กรอบระเบียบที่ป้องกันไม่ให้นำไปสู่ความเสียหายทั้งต่อตัวเด็กเองและเกิดผลกระทบเชิงลบต่อสังคมในวงกว้าง
ทั้งนี้ การยกเลิกระเบียบต่าง ๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการยอมรับความหลากหลาย ขอยืนยันว่าเราจะร่วมกับทุกภาคส่วนเดินหน้า “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” สร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา และเติบโตสู่ก้าวที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงในอนาคต” โฆษก ศธ. กล่าว

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92101
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,10 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-​รมช.สุรศักดิ์ตอบชัด ศธ. สนับสนุนเต็มที่เพื่อนักเรียนมีโภชนาการที่ดี พร้อมผ่อนผันเรื่องชุดนักเรียน แต่เด็กยังคงเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ตามนโยบายเรียนดี มีความสุข


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
​รมช.สุรศักดิ์ตอบชัด ศธ. สนับสนุนเต็มที่เพื่อนักเรียนมีโภชนาการที่ดี พร้อมผ่อนผันเรื่องชุดนักเรียน แต่เด็กยังคงเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา ตามนโยบายเรียนดี มีความสุข
นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) ตอบกระทู้ถามของ นายสากล ภูลศิริกุล สมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวกับโครงการเรียนดี เรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ
วานนี้ รมช.ศธ. ตอบกระทู้ถามของ นายสากล ภูลศิริกุล สมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวกับโครงการเรียนดี เรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพ นโยบายในการจัดสรรงบอาหารกลางวันเด็กเพิ่มขึ้น เพื่อโภชนาการที่ดีได้หรือไม่ ตลอดจนเงินอุดหนุนค่าเครื่องแบบนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนให้เพียงพอ พร้อมเสนอให้สำนักงานเขตพื้นที่ศึกษาทั่วประเทศ ดำเนินการจัดซื้อตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ได้หรือไม่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง นักเรียน
รมช.ศธ. ตอบกระทู้ชี้แจงตอนหนึ่งว่า ในเรื่องการจัดสรรเงินค่าอาหารกลางวันเด็กนั้น ยอมรับว่าเป็นอัตราที่ต่ำในยุคปัจจุบันที่ข้าวของแพงขึ้น เป็นอัตราที่ได้ขอปรับเมื่อปี 2565 อย่างไรก็ตาม กระทรวงศึกษาธิการไม่ได้นิ่งนอนใจและให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดีของเด็ก โดยในปี 2567 ได้ดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ส่งเสริมให้นักเรียนในโรงเรียนขยายโอกาสได้รับการอุดหนุนอาหารกลางวัน เพื่อความเท่าเทียมกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนเดียวกันด้วย ส่วนเรื่องเงินอุดหนุนให้ผู้ปกครองซื้ออุปกรณ์การเรียนและเครื่องแบบนักเรียนที่ไม่เพียงพอนั้น ขณะนี้ ทางกระทรวงฯ ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการผ่อนผันการแต่งกายชุดนักเรียน โดยไม่จำเป็นต้องใส่ชุดนักเรียนทุกวัน แต่ให้เป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการสถานศึกษาว่าจะให้แต่งกายอย่างไร ตามความเหมาะสมและบริบทของพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดภาระและให้การศึกษาไม่ยึดติดกับชุดนักเรียน แต่ทำให้เด็กสามารถเรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา ขณะเดียวกัน กระทรวงศึกษาธิการได้ผลักดันโครงการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา Anywhere Anytime ส่งเสริมการเรียนรู้ขั้นพื้นฐานผ่านการนำเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กและเยาวชน ในการใช้เทคโนโลยีเท่าทันโลกแห่งความผันผวน ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการและมีความชัดเจนในปีงบประมาณ 2568

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92102
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,9 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๘


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๘
ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th/index.php/home/index/41
ระหว่างวันที่ ๗ – ๙ มกราคม ๒๕๖๘

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92077
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,10 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-เตรียมตัวให้พร้อม! ขอเชิญชวนน้อง ๆ หนู ๆ และครอบครัว มาร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 โดยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.00 - 09.00 น.


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
เตรียมตัวให้พร้อม! ขอเชิญชวนน้อง ๆ หนู ๆ และครอบครัว มาร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568 โดยเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.00 - 09.00 น.
ณ ห้องศรีสมาน 1 อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พื้นที่ศรีสมาน
ภายในงานมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ร่วมมากมาย พบกับการแสดงสุดพิเศษ : สุนัขเอไอสุดอัจฉริยะจะมาโชว์ความสามารถให้ทุกคนได้ตื่นตาตื่นใจ
ลุ้นรับของขวัญ: กับกิจกรรมจับฉลากของรางวัลมากมาย นอกจากนี้ภายในงานยังมีเกมส์สนุกๆ ให้เล่น ทั้งยิงปืน โยนห่วง และเกมส์อื่นๆ อีกเพียบ อร่อยไปกับซุ้มอาหาร ขนม และไอติมอย่าพลาด! งานวันเด็กปีนี้จะเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความประทับใจ พาครอบครัวมาเที่ยวชมและร่วมกิจกรรมกันเยอะๆ นะ

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92095
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,14 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-“วราวุธ” วอนสื่อโซเชียล ผลิตคอนเทนท์ เสริมความรู้-ปลอดภัย ให้เด็ก ขอพ่อแม่ อย่าใช้ แท็บเล็ต-โทรศัพท์ เพื่อทำให้เงียบ ย้ำ ผู้ใหญ่ต้องรู้เท่าทัน ยก ตปท. ออกมาตรการกำหนดเวลาดูจอ


วันจันทร์ที่ 6 มกราคม 2568
“วราวุธ” วอนสื่อโซเชียล ผลิตคอนเทนท์ เสริมความรู้-ปลอดภัย ให้เด็ก ขอพ่อแม่ อย่าใช้ แท็บเล็ต-โทรศัพท์ เพื่อทำให้เงียบ ย้ำ ผู้ใหญ่ต้องรู้เท่าทัน ยก ตปท. ออกมาตรการกำหนดเวลาดูจอ
“วราวุธ” วอนสื่อโซเชียล ผลิตคอนเทนท์ เสริมความรู้-ปลอดภัย ให้เด็ก ขอพ่อแม่ อย่าใช้ แท็บเล็ต-โทรศัพท์ เพื่อทำให้เงียบ ย้ำ ผู้ใหญ่ต้องรู้เท่าทัน ยก ตปท. ออกมาตรการกำหนดเวลาดูจอ
วันที่ 6 มกราคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ปาฐกถาพิเศษ  “ร่วมออกแบบอนาคตเด็กไทยไปกับ พม.” พร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับเครือข่ายสื่อเด็กและเยาวชน และสภาเด็กและเยาวชน ในงาน “พม. ชวน สื่อ ร่วมออกแบบอนาคตเด็กไทย” (Drawing Youth’s Future Together) โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวรายงานและกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน “การนำเสนอข่าวเด็กอย่างไร ไม่ละเมิดสิทธิ และคุ้มครองเด็ก” ที่โรงแรมใบหยกสกาย กรุงเทพมหานคร
นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานในเรื่องของมิติสื่อออนไลน์ เป็นมิติที่กระทรวง พม. ต้องทำงานร่วมกับหลาย ๆ หน่วยงาน วันนี้สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือต้องเร่งให้ความรู้และสร้างความตระหนัก ไม่ใช่ให้กับเฉพาะแค่เยาวชนเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะว่าการเสพสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์ หรือออฟไลน์นั้น คนที่มีอิทธิพลคือผู้ใหญ่ วันนี้การให้ความรู้กับผู้ใหญ่ว่า การเลี้ยงดูเด็กและเยาวชนด้วยแท็บเล็ท สมาร์ทโฟน ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง เพราะทุกวันนี้คอนเทนต์ บนออนไลน์นั้นมีมากมาย ทั้งบวกและลบ ซึ่งผู้ใหญ่บางท่านนั้นจะไม่ทราบเลยว่าลูกหลานกำลังเสพคอนเทนต์แบบไหน ดังนั้น วันนี้ นอกจากเราจะให้ความรู้กับเด็กแล้ว ความรู้ของผู้ใหญ่ต้องก้าวให้ทัน เนื่องจากคนในวัยสูงอายุ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เลี้ยงดูเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้ามาในโลกของดิจิทัล ในขณะที่เด็กวัยรุ่นหรือเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางสภาพแวดล้อมของดิจิทัล ดังนั้น การให้ความรู้กับผู้ใหญ่ที่จะเลี้ยงดูเด็กนั้นเป็นประเด็นที่สำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้มีสื่อเข้ามาทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาในทางที่ไม่ถูกต้อง และเราได้รับเกียรติจากสื่อมวลชน ที่มีการสร้างคอนเทนต์ต่างๆ เพื่อที่จะนำเสนอ เพราะหลายครั้งเราจะเห็นแนวทางที่ว่า ข่าวร้ายดูฟรี ข่าวดีเสียตังค์ คือเวลาลงเรื่องดี ๆ คนมักจะไม่ค่อยสนใจ  เพราะว่าบางครั้งสื่อแต่ละสื่อ มีเป้าหมายคือยอดผู้ชม ยอดติดตาม จำนวนมาก ถ้าคนไม่ติดตาม ทำให้ต้องหาเรื่องที่น่าสนใจ บางครั้ง การนำเสนออุบัติเหตุ ความเศร้าโศกเสียใจ การเสียชีวิต ซึ่งค่อนข้างที่จะเห็นแก่ตัว เป็นการหาประโยชน์จากคนอื่น จนละเลยสิทธิส่วนบุคคล
นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับดิจิทัลครีเอเตอร์ หรืออินฟูเอนเซอร์ทั้งหลาย ที่เรียกว่าเป็นฟรีแลนซ์ หรือเป็นครีเอเตอร์อิสระ บางครั้งอาจจะละเลย หรือว่าไม่คิดถึงผลที่จะตามมา จากการนำคอนเทนต์ ต่างๆ ดังนั้นพี่น้องประชาชนจะเป็นหูเป็นตาให้กับกระทรวง พม. ได้อย่างดี เช่น ถ้าท่านพบเห็นคนที่กำลังทำคอนเทนต์ที่ไม่ถูกต้อง หรือรู้จักกับคนที่เป็นเหยื่อของการทำคอนเทนต์ที่ไม่ถูกต้องนั้น ให้โทรแจ้ง 1300 สายด่วน พม. ของ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายวราวุธ กล่าวว่า ทุกคนฝันอยากจะเห็นเด็กไทยเติบโตขึ้นมาแล้วเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของสังคม เด็กๆ ไม่ใช่ภาระ แต่เด็กๆ จะต้องเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่จะนำพาสังคมไทยไปข้างหน้า เติบโตขึ้นมามีความเข้มแข็ง ทั้งกายและใจ มีทั้งไอคิว อีคิว ความคิดสร้างสรรค์ ในทางที่ถูกต้อง และไม่ทำตัวให้เป็นภาระของสังคม ในขณะที่ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเยาวชนไทยที่อายุต่ำกว่า 20 ปี นั้น ใช้เวลาไปกับหน้าจอวันละเกือบ 12 ชั่วโมง ทำให้เวลาส่วนตัวหายไปหมดสิ้น ดังนั้น สิ่งที่สำคัญในวันนี้คือต้องขอแรงจากผู้ใหญ่ที่จะมาดูแลลูกหลาน หากเราให้แท็บเล็ท และโทรศัพท์มือถือแก่เด็กๆ เพื่อให้เงียบ โดยการเงียบของเด็กๆ ไม่ได้เป็นสัญญาณที่ดี ว่าเด็ก ๆ เป็นคนว่านอนสอนง่าย แต่เด็กๆ กำลังซึมซับ คอนเทนต์อะไรก็ได้ ดังนั้น ผู้ใหญ่จำเป็นที่จะต้องมีทักษะทางดิจิทัลต้องตามเด็กให้ทัน เพราะผู้ใหญ่คือกลุ่มคนที่กำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัล ในขณะที่เด็กมีความรู้เรื่องดิจิทัลมากมาย ทำให้ผู้ใหญ่ต้องตามเด็กให้ทัน
นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้ทำงานร่วมกับหลายองค์กร ทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคม ซึ่งการทำให้อินเตอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ นั้น เป็นสื่อที่ปลอดภัย มีคอนเทนต์ที่ปลอดภัย โดยมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อกำกับดูแลคอนเทนต์และ โซเชียลมีเดียต่าง ๆ คนในสังคมปฏิเสธไม่ได้ว่าอิทธิพลของโซเชียลมีเดียที่มีต่อเด็กเล็กมากมาย ดังนั้นการจำกัดการเข้าถึงหรือการกำหนดเวลาให้เด็กได้ดูหน้าจอ เช่นเดียวกับมาตรการของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเด็กอายุต่ำกว่า 20 ของประเทศไทย ใช้เวลาอยู่หน้าจอเกือบ 12 ชั่วโมง หากจะลดเวลาลงหลือ 6 ชั่วโมง เพื่อให้เด็กๆ ได้หาความรู้ใส่ตัว พัฒนาศักยภาพ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา และอีกมากมาย นับเป็นนโยบายที่ดี ซึ่ง เราทุกฝ่ายจะต้องหาแนวทางประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5x5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #เด็ก #เยาวชน #สื่อปลอดภัย #สื่อ #สื่อออนไลน์ #socialmedia #โซเชียลมีเดีย

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92070
Original file line number Diff line number Diff line change
@@ -0,0 +1,26 @@
รัฐบาลไทย-ข่าวทำเนียบรัฐบาล-AOC 1441 เตือนภัยรับปีใหม่ “โจรออนไลน์” ลวงลงทุนเทรดหุ้น –หลอกซื้อขายรถมือสอง ก่อนเชิดเงินหนี สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท


วันอังคารที่ 7 มกราคม 2568
AOC 1441 เตือนภัยรับปีใหม่ “โจรออนไลน์” ลวงลงทุนเทรดหุ้น –หลอกซื้อขายรถมือสอง ก่อนเชิดเงินหนี สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท
AOC 1441 เตือนภัยรับปีใหม่ “โจรออนไลน์” ลวงลงทุนเทรดหุ้น –หลอกซื้อขายรถมือสอง ก่อนเชิดเงินหนี สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท
AOC 1441 เตือนภัยรับปีใหม่ “โจรออนไลน์” ลวงลงทุนเทรดหุ้น –หลอกซื้อขายรถมือสอง ก่อนเชิดเงินหนี สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท
นางสาววงศ์อะเคื้อ บุญศล โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้มีรายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส ประกอบด้วย
คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 1,510,777 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพชักชวนลงทุนเทรดหุ้นสกุลเงินดิจิทัลมีผลตอบแทนดี ผ่านช่องทาง Line ผู้เสียหายสนใจจึงโอนเงินลงทุน ช่วงแรกได้รับผลตอบแทนจริง จึงโอนเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาผู้เสียหายต้องการถอนเงินแต่ไม่สามารถถอนได้ มิจฉาชีพอ้างว่าต้องโอนเงินค่าธรรมเนียมในการถอนเนื่องจากเป็นยอดมูลค่าสูง ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป หลังจากโอนเงินแล้วก็ยังไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่นๆ เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์ มูลค่าความเสียหาย 1,988,000 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ กรมบัญชีกลางแจ้งให้ผู้เสียหายยืนยันข้อมูลการคุ้มครองเงินบำเหน็จบำนาญ จากนั้นได้เพิ่มเพื่อนทาง Line ส่งแอปพลิเคชันให้ติดตั้งและทำตามขั้นตอนที่แนะนำรวมถึงขั้นตอนสแกนใบหน้า ต่อมาผู้เสียหายได้รับข้อความ SMS จากธนาคารแจ้งว่ายอดเงินในบัญชีได้ถูกโอนออกไปจนหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 3,075,000 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาเชิญชวนเทรดหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจ จึงเพิ่มเพื่อนทาง Line เพื่อสอบถามรายละเอียด มิจฉาชีพให้โหลดแอปพลิเคชันและทำตาม ขั้นตอนต่าง ๆ จากนั้นโอนเงินเพื่อเทรดหุ้น ในช่วงแรกสามารถถอนเงินจากระบบได้ จึงโอนเงินเพิ่มและเทรดหุ้นได้จำนวนมากแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ ต่อมาตรวจสอบข้อมูลผ่าน ทาง Google พบว่าเป็นเพจมิจฉาชีพ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก
คดีที่ 4 คดีหลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน มูลค่าความเสียหาย 2,050,000 บาท ทั้งนี้ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทางแอปพลิเคชันหาคู่ Tinder โดยใช้รูปโพรไฟล์หนุ่มหล่อหน้าตาดี จากนั้นพูดคุยสนทนากันจนสนิทใจแต่ไม่เคยพบเจอกัน ต่อมามิจฉาชีพขอให้ผู้เสียหายโอนเงินช่วยเหลือในการลงทุนทำธุรกิจพร้อมทั้งนัดพบเจอกัน และจะนำเงินมาคืนให้เมื่อถึงวันนัดหมาย ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อได้และสงสัยในพฤติการณ์หลายอย่าง ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
และคดีที่ 5  คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ ที่ไม่มีลักษณะเป็นขบวนการ มูลค่าความเสียหาย 2,350,000 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาขายรถยนต์มือสองสภาพดีราคากันเองผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจจึงทักไปสอบถามรายละเอียดผ่านช่องทาง Messenger Facebook และได้ตกลงซื้อขายราคากัน หลังจากโอนเงินไปแล้ว ผู้เสียหายถูกบล็อกและไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก
สำหรับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้ง 5 คดี รวม 10,973,777 บาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC 1441 ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึง วันที่ 3 มกราคม 2568 มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้
1. สายโทรเข้า 1441 จำนวน 1,355,182 สาย / เฉลี่ยต่อวัน 3,152 สาย
2. ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน 458,680 บัญชี / เฉลี่ยต่อวัน 1,182 บัญชี
3. ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ได้แก่ (1) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ 139,953 บัญชี คิด เป็นร้อยละ 30.51 (2) หลอกลวงหารายได้พิเศษ 109,645 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 23.90 (3) หลอกลวงลงทุน  67,534 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.72 (4) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล 42,127 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 9.18 (5) หลอกลวงให้กู้เงิน 34,742 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 7.57 (และคดีอื่นๆ 64,679 บัญชี คิดเป็นร้อยละ 14.12)
“จากเคสตัวอย่างจะเห็นได้ว่ามิจฉาชีพ ใช้วิธีการหลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนเทรดหุ้น อ้างได้ผลตอบแทนดี หรือได้รับของรางวัล ผ่านช่องทาง Facebook , TikTok ,Line รวมทั้งหลอกให้รัก ก่อนใช้อุบายหลอกให้ลงทุนร่วมกัน หรือหลอกลวงให้ซื้อขายสินค้า ทั้งนี้ขอย้ำว่า กรณีการร่วมลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ  หรือถูกอ้างว่ามีได้รับรางวัลโดยไม่มีการรับรองโดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นการเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง ขอให้ผู้เสียหายตรวจสอบติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด หรือติดต่อผ่านทางสายด่วน AOC 1441 เพื่อยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนที่จะมีการดำเนินการใดๆ และความปลอดภัย ต่อการถูกหลอกลวง ดังนั้นขอให้สอบถามรายละเอียดให้แน่ชัดก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคล และทำการเพิ่มเพื่อนหรือดำเนินการใดๆ ในโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ควรตรวจสอบการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ควรติดต่อสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามรายละเอียดให้แน่ชัด หรือติดต่อผ่านทางสายด่วน AOC 1441 เพื่อยืนยันตรวจสอบข้อเท็จจริง” นางสาววงศ์อะเคื้อ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนยึดหลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน ก่อนที่จะทำธุรกรรมใดๆ อย่ากดเข้าลิงก์เว็บไซต์ หรือดาวน์โหลด และอัปโหลดแพลตฟอร์ม ที่มีการส่งต่อจากช่องทางที่ไม่แน่ใจ โดย กระทรวง ดีอี ได้เร่งดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันภัยอาชญากรรมออนไลน์ ผ่านศูนย์ AOC 1441 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง
หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441
แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.)
|  Line ID: @antifakenewscenter | เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com
--------------------------------------------------------------------------------------

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/92084
Loading

0 comments on commit 6ea37d1

Please sign in to comment.